ค่ายตราดาวเตรียมส่ง 2022 Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC ลุยเอสยูวีสุดพรีเมียม พร้อมค่าตัวเฉียด 20 ล้านบาท

2022 Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC (เมอร์เซเดส-มายบัค จีแอลเอส600 4เมติก) จะเป็นรถยนต์รุ่นถัดไปที่ค่าย Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตัดสินใจฟื้นชีพแบรนด์เมอร์เซเดส-มายบัคในประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากไม่ได้ทำตลาดมานานสักพักใหญ่ ๆ

ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยทำตลาด Mercedes-Maybach S50 Permium (เมอร์เซเดส-มายบัค เอส560 พรีเมียม) มาแล้วในประเทศไทย กับสนนราคาค่าตัว 17.44 ล้านบาท และก็มีข่าวลือว่าทางค่ายเตรียมที่จะนำเวอร์ชั่นหรูสุด ๆ ของมายบัค เอส-คลาส เข้ามาทำตลาดเพิ่มอีกครั้ง

แต่จากการยืนยันล่าสุด รถยนต์ที่จะเข้ามาปลุกชีพแบรนด์มายบัคอย่างยิ่งใหญ่ กลับเป็นเอสยูวีไซส์ยักษ์ 7 ที่นั่ง บนพื้นฐาน Mercedes-Benz GLS-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส) ที่มีพื้นฐานเดียวกันกับ Mercedes-Benz S-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส) รุ่นใหญ่นั่นล่ะ

มายบัค จีแอลเอส จะเป็นรถยนต์นำเข้าแบบสำเร็จรูปทั้งคัน เพื่อเปิดตลาดเอสยูวีระดับหรูหราที่สุด ที่มีคู่แข่งไม่กี่รายในท้องตลาด และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีกไม่นานนี้ โดยสนนราคาค่าตัว น่าจะเป็นอีกรุ่นของค่ายตราดาวที่ราคาทะลุไปใกล้เคียงกับตัวเลข 20 ล้านบาท

ทั้งนี้ นอกจากความพรีเมียมของรถยนต์ที่เหนือชั้นด้วยการออกแบบตกแต่งที่เลิศเลอ การดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ก็ต้องมีความพิเศษที่แตกต่างเช่นกัน โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้ทำการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเฉพาะสำหรับแบรนด์เมอร์เซเดส-มายบัค เอาไว้ 4 แห่งเป็นที่เรียบร้อย

สำหรับลูกค้ากลุ่มพิเศษเหล่านี้โดยเฉพาะ...

ภายนอกมิติใกล้เคียงจีแอลเอส ตกแต่งหรูหรา

เมอร์เซเดส-มายบัค จีแอลเอส มาพร้อมขนาดตัวถังที่ใกล้เคียงกับจีแอลเอสรุ่นมาตรฐานมาก แต่เน้นการเล่นสีสันและการปรับรูปลักษณ์ให้พรีเมียม มาพร้อมความกว้าง  2,030 มิลลิเมตร ยาว  5,205 มิลลิเมตร สูง  1,838 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ  3,135 มิลลิเมตร ซ่อนบันไดข้างเอาไว้อย่างสวยเฉียบ

การตกแต่งภายนอกนั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลาย และลูกค้าสามารถเลือกได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรง พร้อมหลังคาสีเดียวกับตัวรถ สีดำหรือสีเงิน ล้ออัลลอยให้เลือกขนาด 22-23 นิ้ว แต่ลวดลายจะเน้นความพรีเมียมแบบเพิ่มซี่ของโครงล้อให้เยอะขึ้น อาจจะไม่ค่อยโดนใจสายสปอร์ต 

ตัวรถแบบเอสยูวีที่มาพร้อมความใหญ่โต แร็คหลังคาติดตั้งมาเพื่อพร้อมใช้งาน ประตูบานหลังเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมติดตั้งโลโก้ของมายบัคเองที่ตำแหน่งของเสาดี ชุดไฟรอบคันแบบแอลอีดีระยะส่องสว่างสูง ทำให้ตัวรถที่ดูหรูหราอยู่แล้ว ดูเนี๊ยบขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ภายในปรับหรูสำหรับผู้โดยสาร 4 ที่นั่งเท่านั้น

จากการเป็นรถยนต์เอสยูวี 3 แถว 7 ที่นั่ง เมื่อมาแบกรับแบรนด์มายบัคมา ทีมงานได้ออกแบบให้รถที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารนี้ กลายเป็นรถยนต์นั่งระดับพรีเมียมสำหรับผู้โดยสาร 4 คน โดยไฮไลท์อยู่ที่การถอดเบาะแถว 3 ออก และจัดที่นั่งตอนหลังเสียใหม่ เพื่อให้ได้ความสะดวกสบายอย่างเหนือชั้น

เบาะที่นั่งแบบกัปตันซีทถูกติดตั้งเป็นที่นั่งหลักด้านหลัง มาพร้อมเบาะแบบปรับเอนนอนได้พร้อมที่วางขา ตำแหน่งการนั่งจัดวางอย่างเป็นสัดส่วนแยกออกจากกันซ้าย-ขวา พร้อมติดตั้งแทบเล็ตสำหรับการควบคุมรถ ตู้เย็น พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารระดับสูงสุด

ด้านหน้ารถนั้นยกระบบความปลอดภัยและระบบความบันเทิงไปจากรุ่นมาตรฐานทั้งหมด หน้าจอ 12.3 นิ้ว 2 จอวางต่อกันเพื่อแสดงผลในภาพรวม หน้าจอกลางแบบสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ พร้อมด้วยสีภายในที่ลูกค้าเลือกใช้ได้ตามความต้องการ

เครื่องยนต์สุดโหด 558 แรงม้า พร้อมรบ

แม้จะเป็นรถคันใหญ่ที่มาพร้อมรูปลักษณ์อันแข็งแกร่ง บึกบึน แต่เมอร์เซเดส-มายบัค ก็เลือกเครื่องยนต์รุ่นใหญ่ให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานเหมือนกัน ในรุ่นที่จำหน่ายนั้นมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลธรรมดา แต่พอกลายร่างมาเป็นมายบัค พวกเขายังใช้งานเครื่องยนต์เบนซิน วี8 ติดตั้งมาให้

เครื่องยนต์ขนาด 3,982 ซีซี. เทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 558 แรงม้าที่ 6,000–6,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตรที่ 2,500–5,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับระบบ EQ Boost ช่วยเพิ่มกำลังจากเครื่องยนต์อีก 22 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอีก 250 นิวตันเมตร ให้สมรรถนะการขับขี่ดุดัน

การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC 9 มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แม้จะมีขนาดตัวถังใหญ่และน้ำหนักมากถึง 2.78 ตัน แต่ว่าสามารถวิ่งจาก 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.9 วินาทีเท่านั้น และความเร็วสูงสุดก็ถูกล็อคเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา

ช่วงล่างเวอร์ชั่นมาตรฐานจะเป็นช่วงล่างแบบถุงลมที่นุ่มนวล แต่ลูกค้าสามารถเลือกออพชั่นช่วงล่างแบบพิเศษที่เรียกว่า E-ACTIVE BODY CONTROL ได้ เพื่อเพิ่มความเหมาะสมกับการปรับให้เหมาะกับพื้นผิวทุกรูปแบบ มาพร้อมระบบช่วยลดความสูงตัวถังเมื่อเปิดประตู ทำให้เข้า-ออกจากรถง่ายขึ้น

ผู้บริหารของเดมเลอร์ เอจี เคยระบุเอาไว้ว่ารถรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่นำพาเอสยูวีของค่ายไปสู่ระดับสูงสุดในด้านของความสบายและสมรรถนะที่โดดเด่นเหนือใคร และแน่นอนว่าเมื่อเปิดตัวในประเทศไทย ลูกค้าชาวไทยก็จะได้สัมผัสกับความพิเศษที่เหนือชั้นนี้ไปด้วยอย่างแน่นอน กับค่าตัวที่ไม่เป็นรองใครเช่นกัน!!!