ปีใหม่ทั้งที อยากมีรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่กับเขาบ้าง ควรดูอะไรบ้างก่อนซื้อ ?
ฮั่นแน่…ปีใหม่ทั้งที โบนัสก็มีแต่ใช้ไปหมดแล้ว แต่ใจก็ยังคิดอยากจะมีรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่กับเขาอยู่ดี เพราะรถรุ่นใหม่ ๆ ที่ออกมาในตลาดช่วงนี้ทั้งสวย และเท่กันทั้งนั้นเลย มีหรือจะห้ามใจไหว แต่หากคิดจะซื้อรถใหม่ทั้งทีเราควรพิจารณาจากอะไรบ้าง วันนี้ AutoFun Thailand จึงอย่างจะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปดูกันว่าหากเราคิดจะซื้อรถคันใหม่ควรตัดสินใจเลือกซื้อจากอะไรกันบ้าง
1.เลือกรถให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคุณ
อันดับแรกเลยก็คือคุณจะต้องตอบให้ได้ก่อนว่าจะซื้อรถมาทำไม เอาไว้ขับขี่ทำงาน เอาไว้เดินทางท่องเที่ยว หรือแค่มีไว้ขี่เป็นไลฟ์สไตล์ครั้งคราว เพราะว่าในปัจจุบันนั้นรถมอเตอร์ไซค์ในตลาดเมืองไทยมีเยอะมากมายหลายแบบ ตั้งแต่ราคาหลักหมื่นบาท ไปจนถึงหลักล้าน ทั้งรถตลาดใช้งานทั่วไป และรถที่ใช้เฉพาะทางเพื่อวัตถุประสงค์นั้น ๆ
ซึ่งหากให้แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ แล้วคงจะแยกได้ 2 ประเภทคือรถตลาดทั่วไปที่มีกำลังเครื่องยนต์ไม่เกิน 250 ซี.ซี. และรถประเภทบิ๊กไบค์ที่คนไทยเรียกกันจนติดปากที่มีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 ซี.ซี. ไปจนถึง2,500 ซี.ซี. ในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งราคา และการใช้งานของรถทั้ง 2 ประเภทก็แตกต่างกัน
และตรงนี้คุณเป็นคนที่จะซื้อ เพราะฉะนั้นตัวคุณเองนั่นละที่จะตอบคำถามได้ดีที่สุดว่าคุณชอบรถสไตล์ไหน แบบไหน ซื้อมาไว้ใช้งานไปไหนบ้าง ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิด เพราะรถแต่ละรุ่น แต่ละแบบ ก็ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้า และความชอบที่แตกต่างกันอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้คุณตัดสินใจได้เลยไม่มีคำว่าผิด
2.สินเชื่อ ประกันรถ เงินผ่อน เงินดาวน์ หรือซื้อเงินสดคุณพร้อมแค่ไหน
แน่นอนว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุดนั่นคือความพร้อมทางการเงินของคุณ ตรงนี้คุณจะต้องพิจารณาให้รอบคอบไม่ควรรีบเร่งตัดสินใจหากคุณคิดจะซื้อเงินผ่อนก็ต้องมาดุกันว่าเงื่อนไขจากธนาคารไหนที่ดีที่สุด และคุณรับได้ รวมไปถึงเงินก้อนแรกที่ใช้ในการดาวน์รถมีพอหรือเปล่ากับรถรุ่นที่คุณเลือก อีกอย่างก็คือจะดาวน์ด้วยวงเงินที่เท่าไหร่เพื่อให้คุณได้อัตราดอกเบี้ยที่คุ้มค่าที่สุดต่อการผ่อนรถ 1 คัน แต่หากคุณซื้อด้วยเงินสดก็ข้ามตรงนี้ไปได้เลย
ต่อมาที่ผู้ขับขี่ทุกคนไม่ควรมองข้ามก็คือเรื่องของประกันตัวรถ ก็จริงอยู่หากคุณซื้อรถตลาดทั่วไปราคาประกันอาจจะอยู่ที่แค่หลักร้อยบาท แต่เมื่อไหร่ที่คุณขยับขึ้นมาจับรถบิ๊กไบค์ หรือมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่แล้วละก็เราแนะนำให้คุณมองตรงจุดนี้ให้ดี ๆ เพราะเงินประกันของรถบิ๊กไบค์นั้นสูงเอาเรื่องเลยทีเดียว บางทีอาจจะแพงกว่าประกันรถยนต์ที่คุณเคยขับอยู่ก็ได้ ซึ่งตรงนี้คือเงินที่คุณควรเหลือไว้ใช้จ่ายกับการซื้อประกันด้วยนั่นเองหลังจากซื้อรถไปแล้ว
3.สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
แน่นอนว่าการเข้าถึงข้อมูลในยุคปัจจุบันนั้นง่ายเพียงปลายนิ้ว เพราะอยากรู้อะไรก็ถามท่านอาจารย์ Google ได้เลย ท่านตอบได้หมด และเราเชื่อว่าหากคุณจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์สัก 1 คันแล้วละก็คุณจะรีบหาข้อมูลของตัวรถ และศึกษาจากทุกช่องทางเท่าที่คุณจะหาได้อย่างแน่นอนก่อนออกไปซื้อรถ
ซึ่งเราอยากจะแนะนำว่านอกจากคุณจะหาความรู้จากผู้ใช้จริง หรือนักรีวิวทดสอบต่าง ๆ แล้ว เราอยากให้คุณมุ่งหน้าไปยังศูนย์บริการของค่ายรถนั้น ๆ ที่คุณอยากได้ และไปดูคันจริง พร้อมทั้งขอทดลองขับขี่ เพราะแค่การดู และหาข้อมูลจากโลกออนไลน์เพียงอย่างเดียวนั้นมันยังไม่เพียงพอ การที่คุณได้ลองสัมผัส ได้ลองนั่ง ได้ทดลองขับขี่ด้วยตัวคุณเองจะทำให้คุณตอบคำถามในใจได้อย่างชัดเจนที่สุดว่าสรุปแล้วรถที่คุณเลือกเหมาะกับคุณหรือเปล่า และขี่แล้วคุณชอบมันหรือไม่
4.อุปกรณ์ป้องกันสำคัญไม่แพ้ตัวรถ
ในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนอาจมองข้าม ซึ่งเราอยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้วมันสำคัญไม่แพ้กับการเลือกซื้อรถเลย เพราะอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อค , ถุงมือ , รองเท้า หรือชุดขับขี่ที่มีการ์ดอยู่ด้านในนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะอุปกรณ์เหล่านี้คือสิ่งที่จะช่วยชีวิตของคุณได้เป็นอย่างดีเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
ซึ่งอุปกรณ์ขับขี่นั้นแน่นอนว่ามันมีตั้งแต่ราคาหลักไม่กี่ร้อยบาท ไปจนถึงหลักหมื่นหลักแสนบาทกันเลยทีเดียว ซึ่งผู้ขับขี่ก็ควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมตามที่เราไหว หรือตามการขับขี่ใช้งานของเราเอง ว่าเราแค่ขับขี่ภายในเมืองที่ใช้ความเร็วไม่สูงมากนัก หรือเราเป็นสายท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางหลายร้อยกิโลอยู่ตลอดเวลา ก็ควรเลือกอุปกรณ์การขับขี่เหล่านี้ให้เหมาะสมกับตัวคุณ ซึ่งราคาก็เอาเท่าที่เราไหว แต่อย่างไรก็ขอให้มีสวมใส่กันไว้ดีกว่าไม่มีเลย
5.ขับขี่เป็นแล้วหรือยัง
ตรงจุดนี้เราควรประเมินตัวเราเองว่าเราขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เป็นในระดับไหนแค่ขี่ได้ หรือขี่เป็นจนชำนาญมาก ๆ แล้ว ซึ่งหากคุณยังไม่มั่นใจในเรื่องของการขี่รถของตัวคุณเอง เราขอแนะนำให้คุณไปลงเรียนตามสถานฝึกสอนของค่ายรถต่าง ๆ หรือวันที่คุณไปซื้อรถใหม่ก็ลองถามที่ศูนย์บริการดูก็ได้ว่าคุณอยากเรียนขับขี่เพิ่มเติม จะเรียนที่ไหนได้บ้าง
เพราะในปัจจุบันนั้นค่ายรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยต่างได้เปิดศูนย์ฝึกขับขี่กันอย่างมากมายหลายหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น จนไปถึงขั้นระดับครูฝึกสอนก็มี ซึ่งหลักสูตรที่ว่าก็มีครบตั้งแต่รถตลาด รถบิ๊กไบค์ จนไปถึงรถวิบาก ซึ่งเราอยากให้ไม่ว่าคุณจะเป็นมือเก่า หรือมือใหม่ได้ลองไปหาโอกาสลงเรียนขับขี่เพิ่มเติมดุสักครั้ง เราเชื่อว่ามีหลายเรื่อง และหลากหลายท่าทางการขับขี่ที่คุณยังทำผิดอยู่เพียงเพราะความเคยชิน แล้วคุณจะได้รู้ว่าการขับขี่ที่ถูกต้อง และปลอดภัยนั้นเป็นยังไง
อ่านเพิ่มเติม : Royal Enfield Himalayan Trail School
อ่านเพิ่มเติม : 10 มอเตอร์ไซค์ยอดเยี่ยมจากสื่ออังกฤษ
อ่านเพิ่มเติม : GS Glamping กับ BMW R 1250 GS