Test Ride 2022 Kawasaki KLR650 ราคา
>>>สเปค 2020 Kawasaki Versys 650
2022 Kawasaki KLR650 |
|
KLR650 |
268,500 บาท |
KLR650 Adventure |
299,000 บาท |
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้ของทาง AutoFun Thailand เราได้รถคู่ใจอย่าง 2022 Kawasaki KLR650 เป็นคู่หูร่วมเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งเราขอเกริ่นถึงโมเดลนี้ให้ฟังสักเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางกัน โดยสำหรับเจ้า 2022 Kawasaki KLR650 คันนี้ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 สำหรับตระกูล KLR
ซึ่งสำหรับโมเดลแรกนั้นถูกวางจำหน่ายในปี 1987-2007 (20 ปี) ส่วนโมเดลที่ 2 ถูกวางจำหน่ายในปี 2008-2018 (10 ปี)
และก็มาถึงโมเดลปัจจุบันที่ทาง Kawasaki ประเทศไทยพึ่งจะทำการเปิดตัวกันไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมากับเจ้า 2022 Kawasaki KLR650 นั่นเอง
โดยการเดินทางในครั้งนี้ของเรามีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ เขื่อนป่าศักดิ์ชลสิทธิ์ กับระยะทาง ไป-กลับ กว่า 450 กม. ทั้งการเดินทางในรูปแบบทัวริ่งทางดำ และบนเส้นทางออฟโร้ด ซึ่งผลการทดสอบในครั้งนี้เจ้า 2022 Kawasaki KLR650 จะทำออกมาได้ดีแค่ไหนเราไปฟังกันได้เลย
รูปลักษณ์ภายนอกที่หวนให้คิดถึงอดีต
สำหรับหน้าตาของเจ้า 2022 Kawasaki KLR650 คันนี้นั้นเราต้องบอกเลยว่ามันแทบจะไม่เปลี่ยนไปจากโมเดลรุ่นพี่ของมันเท่าไหร่นัก เรียกได้ว่ายังคงกลิ่นอายของรถสไตล์แรลลี่ดาการ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน เพราะมันมาพร้อมรูปร่างที่ใหญ่โตบึกบึน ให้ความรู้สึกถึงความอึด ถึก ทน อันเป็นตำนานของมันจริง ๆ
สำหรับหน้าตาที่เปลี่ยนไปก็คงจะเป็นในส่วนของชุดไฟแบบ LED ด้านหน้าที่ถอดแบบมาจากรถในตระกูล Z ของทาง Kawasaki นั่นเอง ซึ่งมันก็ช่วยทำให้ 2022 Kawasaki KLR650 คันนี้ดุทันสมัยยิ่งขึ้น
และที่สำคัญคือระบบไฟ LED แบบใหม่นี้ยังช่วยส่องสว่างในทุกเส้นทางได้อย่างคมชัด เพราะในทริปนี้เราได้ขับขี่กันในช่วงเวลากลางคืนด้วย ซึ่งชุดไฟใหม่นี้ก็ให้แสงสว่างที่คมชัด เพียงพอต่อการขับขี่ในยามค่ำคืน
ต่อมากับถังน้ำมันขนาดใหญ่ถึง 23 ลิตรที่ทำให้เราเดินทางในทริปนี้กันได้แบบยาว ๆ โดยที่ไม่ต้องพักเติมน้ำมันกันเลยทีเดียว ซึ่งก็เหมาะมากสำหรับสายเดินทางไกลทั้งหลายถ้าคุณไม่เหนื่อยกันสะก่อนก็สามารถหวดกันแบบยาว ๆ รวดเดียวถึงจุดหมายปลายทางเลยก็ยังได้
ซึ่งถึงแม้หน้าตาของ KLR จะขัดใจใครหลายคนไปบ้าง แต่เรากลับมองว่ามันดูเก๋าดีนะ มันให้อารมณ์ของรถแรลลี่ในสมัยก่อนที่เราเคยเห็น แต่หน้าตาแบบนี้เราเชื่อเหลือเกินว่ามันจะต้องถูกใจรุ่นเก๋าขาลุยในสมัยก่อนอย่างแน่นอน
เพราะในตอนนั้นคุณอาจจะได้แค่มอง หรือเป็นความฝันที่อยากจะครอบครอง แต่ในปัจจุบันมันพร้อมกลับมาให้คุณได้สานต่อความฝันนั้นอีกครั้งแล้วกับเจ้า 2022 Kawasaki KLR650 คันนี้
เครื่องยนต์ที่ขึ้นชื่อในความ อึด ถึก ทน มาตั้งแต่สมัยอดีต
ในเรื่องของเครื่องยนต์นั้น 2022 Kawasaki KLR650 แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยเพราะมันยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ ขนาด 652 ซี.ซี. สูบเดี่ยว 4 จังหวะ DOHC เช่นเดิม
แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนตัวเครื่องยนต์ใหม่ไปหลายจุดไม่ว่าจะเป็นตัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแบบหัวฉีดแล้ว ช่วยให้ตัวรถสตาร์ทง่ายขึ้นแม้ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น หรือในพื้นที่สูง
นอกจากนี้ยังได้มีการเปลี่ยนเพลาลูกเบี้ยวไอดีไอเสียใหม่ ทำให้แรงบิด และกำลังในรอบกลางดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมโซ่ราวลิ้นใหม่เพื่อการทำงานของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญมันผ่านค่ามาตรฐานไอเสียระดับ Euro 5 เรียบร้อย
ซึ่งเครื่องยนต์ที่เน้นเรื่องความอึดทน และการบำรุงดูแลรักษาที่ง่ายนี้เป็นชื่อเสียงของเจ้า KLR มาอย่างยาวนาน โดยสำหรับการใช้งานจริงในครั้งนี้เรายืนพื้นความเร็วอยู่ในช่วง 120-140 กม./ชั่วโมง ได้แบบสบาย ๆ แต่เมื่อเราใช้ความเร็วที่สูงเกิน 140 กม./ชม. ขึ้นไปตัวรถจะมีอาการส่ายให้เห็นเล็กน้อย
อันเนื่องมาจากตัวบังโคลนด้านหน้าที่เป็นแบบสูงสไตล์รถวิบากนั้น ทำให้ช่วงหน้าเมื่อปะทะกับแรงลมจะเกิดอาการแกว่งได้ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่เราได้ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่ารถสไตล์นี้ไม่ได้เน้นทำความเร็วปลายที่สูงมาก แต่เน้นไปที่ความเร็วในรอบ ต้น-กลาง ที่จัดจ้านมากกว่า
ระบบกันสะเทือนเต็ม 10 ไม่หักเลย
สำหรับ 2022 Kawasaki KLR650 คันนี้มาพร้อมโช้คอัพด้านหน้าแบบเทเลสโคปิคกับระยะยุบที่มากถึง 200 มม. พร้อมซีลยางหุ้มแกนโช้คที่ช่วยให้คุณลุยได้แบบถึงไหนถึงกัน บวกกับระยะยุบโช้คอัพด้านหลังที่ 185 มม. ซึ่งต้องบอกเลยว่าเราว้าวมาก ๆ กับระบบกันสะเทือนของเจ้า 2022 Kawasaki KLR650 คันนี้
โดยการขับขี่ในรูปแบบ On-Road ที่ความเร็ว 120-140 กม./ชม. คุณสามารถรูดผ่านอุปสรรคเช่นหลุม บ่อ เนิน หรือคอสะพานต่าง ๆ ได้แบบสบาย ๆ โดยที่ตัวรถไม่มีอาการให้เห็นแต่อย่างใด
บวกกับเบาะนั่งแบบตอนเดียวที่ให้มานั้นมีความนุ่ม และนั่งสบายสุด ๆ ทำให้การเดินทางของเราในทริปนี้ออกไปในทางง่วงนอนสะด้วยซ้ำไป เพราะความที่ขี่สบายเกินนั่นเอง
ส่วนในเส้นทาง Off-Road นั้นบอกได้คำเดียวว่ามัน และสนุกสุด ๆ เราจึงไม่แปลกใจเลยที่มีคนไทยเคยพาเจ้า KLR คันนี้ขับขี่ไปท่องเที่ยวรอบโลกมาแล้ว
เพราะไม่ว่าคุณจะเจอเส้นทางแบบไหน ไม่ว่าจะหลุมบ่อ กิ่งไม้ รากไม้ เนินต่าง ๆ คุณสามารถเปิดคันเร่งแล้วบิดส่งไปข้างหน้าได้ทันที
ต่อให้คุณลอยขึ้นไปในอากาศสูงแค่ไหน เมื่อตกลงถึงพื้นระบบกันสะเทือนที่ให้มานั้นเอาอยู่ จนบางครั้งเราก็สนุกจนเผลอลืมคิดว่านี่คือรถโมโตครอสหรือเปล่า ทำไมช่วงล่างมันถึงได้โดดเนินได้นิ่มขนาดนี้
ระบบเบรก ABS
เนื่องจาก 2022 Kawasaki KLR650 คันนี้ที่เราได้มาไม่สามารถเลือกปิดระบบเบรก ABS ได้จึงทำให้การขับขี่ในเส้นทาง Off-Road นั้นค่อนข้างที่จะขัดใจอยู่เล็กน้อย เพราะระบบเบรก ABS ที่ทำงานอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
แต่ในการขับขี่รูปแบบทัวริ่งในทางดำนั้นระบบเบรก ABS สามารถทำงานได้อย่างน่าประทับใจ คุณสามารถหยุดรถได้อย่างมั่นใจว่าระบบเบรก ABS จะช่วยคุณทำให้ล้อไม่ล็อคอย่างแน่นอน
สรุป 2022 Kawasaki KLR650
ถึงแม้หน้าตาของ 2022 Kawasaki KLR650 จะไม่ได้โดดเด่นอะไรออกไปในทางของแนวโบราณด้วยซ้ำ แต่อย่าได้มองข้ามรถคันนี้ไป เพราะหากคุณได้ลองขี่มันคุณจะคิดใหม่อย่างแน่นอน เพราะด้วยอะไรก็ไม่รู้แต่ในการเดินทางครั้งนี้เรายกให้ 2022 Kawasaki KLR650 คันนี้เป็นรถที่เหมาะกับการเดินทางมาก ๆ อีกหนึ่งรุ่น เพราะมันขี่ดีมากจริง ๆ
ไม่ว่าจะบนทาง On-Road หรือ Off-Road มันให้ความรู้สึกที่สบาย มั่นคง และปลอดภัย ถึงแม้ในการเดินทางมันจะไม่ค่อยมีกำลังในช่วงปลายให้ใช้เพราะมันมาพร้อมระบบเกียร์ 5 สปีดที่เน้นรอบต้นถึงกลางเท่านั้น
แต่มันก็ถูกชดเชยมาด้วยระบบช่วงล่างที่บอกได้เลยว่ามันดีมาก ๆ จริง ๆ ดีเกินไปจนเราแปลกใจด้วยซ้ำ เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในทางฝั่งยุโรปจึงยกให้เจ้านี่เป็นรถสายลุยตัวจริง
อีกหนึ่งอย่างเลยก็คือ 2022 Kawasaki KLR650 ไม่มีระบบไฟฟ้าใด ๆ มาให้คอยปวดหัวและวุ่นวายเลย คุณแค่บิดมันออกไปข้างหน้าเท่านั้น ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้มันง่ายต่อการดูแล และบำรุงรักษา จนไปถึงการซ่อมแซมเมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆที่สามารถทำได้อย่างง่ายได้
เพราะคุณสามารถเข้าร้านซ่อมข้างทางตรงจุดไหนก็ได้ เพราะด้วยความที่ตัวรถเบสิคมาก ๆ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นระบบแมลนวลทั้งคัน ซึ่งเราเชื่อว่ามีหลายคนที่ชอบรถแบบไม่มีอะไรมาให้วุ่นวายแบบนี้อยู่ไม่น้อย
สุดท้ายเราอยากจะบอกว่าหากคุณกำลังมองหารถไว้เดินทางท่องเที่ยวระยะไกล และสามารถพาคุณลุยไปได้ทุกที่ ในราคาที่ไม่สูงมากนัก 2022 Kawasaki KLR650 คันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในท้องตลาดตอนนี้ที่เราอยากจะแนะนำให้คุณเลย เพียงแค่คุณติดปี๊บหลังเพิ่มเข้าไป
หรือเลือกซื้อรุ่นที่มีปี๊บมาพร้อมสำหรับเดินทางอย่างในรุ่น Adventure ไปเลยก็ย่อมได้ เพียงแค่เท่านี้คุณไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว รถคันนี้ก็พร้อมพาคุณออกเดินทางไปได้ทุกที่ ทุกเส้นทาง ที่คุณอยากจะไป หรือคุณอยากท่องเที่ยวรอบโลกก็ไม่มีปัญหา เพราะเราเชื่อว่ารถคันนี้มีสมรรถนะมากพอที่จะพาคุณไปได้ ถ้าใจคุณพร้อม