Test Ride 2021 New CBR600RR (นิว ฮอนด้า ซีบีอาร์600อาร์อาร์) ราคา 549,000 บาท
2021 All New Honda CBR1000RR-R & All New Honda CBR1000RR-R Fireblade SP
2021 All New Honda CBR1000RR-R & All New Honda CBR1000RR-R Fireblade SP
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง AutoFun Thailand ของเราได้มีโอกาสนำเจ้า New CBR600RR ออกมาขับขี่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันรวมระยะทางกว่า 200 กม. จากถนนลาดพร้าว-บางขุนเทียน-บางบัวทอง-ถนนลาดพร้าว เพราะเราอยากรู้ว่าหากเอารถสปอร์ตแร็พพริก้าขนานแท้มาใช้เดินทางในชีวิตประจำวัน มันจะทำได้ไหม เพราะหากเป็นในสนามแข่งขัน หรือบนพื้นแทร็คนั้นเราไม่ข้องใจถึงสมรรถนะของมันอยู่แล้ว
อย่างแรกเลยที่เราอยากจะพูดถึงก็คือหน้าตาของเจ้า New CBR600RR คันนี้ ซึ่งเราอยากจะบอกว่ามันเป็นรถสปอร์ตที่เท่สุดๆ การออกแบบไม่แพ้พี่ใหญ่ CBR1000RR-R เลย ไม่ว่าจะเป็นชุดไฟ Full LED แบบรอบคัน โดยเฉพาะไฟด้านหน้าออกแบบให้เส้นสายที่เฉียบคมดุดันสุด ๆ ซึ่งเราก็ชอบนะเราคิดว่าหน้ามันโหดดี
ต่อมากับงานชุดสีไตรคัลเลอร์อันโดดเด่น ซึ่งสีบนตัวรถจริง ๆ นั้นเราอยากจะบอกว่ามันสวยมาก กับการจับคู่ของชุดสี แดง , น้ำเงิน และขาว เอาไว้ได้อย่างลงตัว
ส่วนต่อมาคงจะเป็นหน้าจอเรือนไมล์สีแบบ Full Color TFT ที่ในคลาส 600 ซี.ซี. ในตลาดบ้านเราตอนนี้ก็มีแค่เจ้า CBR600RR นี่หล่ะที่มีใช้ ซึ่งนอกจากมันจะสวยงามแล้ว ยังช่วยให้เรามองจอได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
และส่วนสุดท้ายที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้สำหรับรถรุ่นนี้ก็คือท่อไอเสียแบบออกบริเวณส่วนท้าย หรือที่เรา ๆ ไบค์เกอร์มักจะเรียกกันว่าท่อออกตูดนั่นเอง ซึ่งตรงจุดนี้เป็นส่วนที่เราชอบมาก ๆ เพราะไม่ว่าคุณจะขี่รถคันนี้ไปที่ไหนใครก็รู้ว่านี่คือ CBR600RR
นอกจากท่อออกท้ายจะหล่อ เท่ และไม่เหมือนรถรุ่นอื่น ๆ แล้ว CBR600RR คันนี้ยังมาพร้อมเสียงท่อที่ทรงพลัง ให้อารมณ์แบบรถแข่งในสนามแข่งขันเลยทีเดียว ซึ่งเราอยากจะบอกว่านี่ขนาดแค่ท่อเดิม ๆ นะ เสียงยังโหดขนาดนี้
2021 New CBR600RR มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ PC40E/Liquidcooled DOHC 4 สูบเรียง ขนาด 599 ซี.ซี. ที่เหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเครื่องรุ่นเก่า แต่เราอยากจะบอกว่าทาง Honda ได้ทำการเปลี่ยนไส้ในของมันแทบทั้งหมดทำให้มันได้กำลังเครื่องยนต์สูงสุดที่ 121 แรงม้าที่ 13,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 64 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบ/นาที
ซึ่งเมื่อนำมันมาขับขี่ใช้งานจริงบนท้องถนนก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะกำลังของรถคันนี้มีให้ใช้อย่างล้นเหลือ ซึ่งข้อดีของการมีเครื่องยนต์แรง ๆ บนท้องถนนก็คือคุณสามารถบิดเร่งแซงได้ทันที ในทุกช่วงโอกาส ไม่ต้องรอรอบ รอกำลังของเครื่องยนต์ ซึ่งเรากลับมองว่ามันปลอดภัยกว่ารถที่มีกำลังน้อย ๆ
ด้วยซ้ำไป เปิดคันเร่งขึ้นแซงก็ขาดเลย ไม่ต้องลุ้นว่าจะแซงพ้นไหม จะขึ้นพ้นหรือเปล่า เรียกว่ามีเหลือไว้ให้ใช้ดีกว่าไม่มี แต่เราก็ไม่ได้จำเป็นต้องไปใช้ให้มันหมดนะเราแค่บอกว่ามันมีประโยชน์ในการขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวัน
จากการขับขี่ใช้งานกว่า 200 กม. จากถนนลาดพร้าว-บางขุนเทียน-บางบัวทอง-ลาดพร้าว เราพบว่าช่วงล่างของ CBR600RR คันนี้น่าประทับใจมาก เพราะมันสามารถขี่รูดผ่านฝาท่อ หรือหลุมบ่อต่าง ๆ ได้อย่างนิ่มนวลโดยที่ตัวรถไม่เสียอาการเลย ยกเว้นหลุมใหญ่ ๆ นะเพราะแบบนั้นต่อให้รถอะไรก็ไม่เหลือ
ซึ่งสำหรับช่วงล่างของรถคันนี้เราให้ผ่านเลยสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่หากคุณขี่แล้วยังรู้สึกว่ามันกระด้างไป หรือย้วยจนเกินไป ก็สามารถปรับตั้งค่าช่วงล่างได้ทั้งโช้คอัพด้านหน้า และด้านหลัง ได้แบบเต็มระบบ ไม่ว่าจะเป็นค่าพรีโหลด คอมเพรสชั่น หรือรีบาวด์ ก็ตาม
ระบบเบรกด้านหน้าจานดิสก์คู่ขนาด 310 มม. พร้อมคาลิปเปอร์แบบเรเดียลเมาท์แบบ 4 พอร์ตจาก Tokiko ส่วนด้านหลังมาพร้อมจานดิสก์เบรกแบบเดี่ยวขนาด 220 มม. พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 1 พอร์ตจาก Nissin ซึ่งมันทำงานประสานร่วมกับ
ระบบ ABS และระบบ HSTC ของตัวรถได้เป็นอย่างดีแม้คุณมาด้วยความเร็วที่สูงก็สามารถกดเบรกได้อย่างเต็มที่ หรือหากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบให้ระบบพวกนี้เข้ามาวุ่นวายต่อการขับขี่ของคุณมากนักคุณก็แค่เลือกปรับให้มันทำงานน้อยลงได้ตามใจสั่ง
2021 New CBR600RR มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมากมายบนตัวรถที่พร้อมให้คุณเลือกใช้งาน เริ่มกันด้วยสิ่งที่รถในคลาสเดียวกันไม่มีอย่างแน่นอนคือแกนประมวลผล IMU แบบ 5 แกน ซึ่งปกติเทคโนโลยีนี้จะมีเฉพาะในรถซุปเปอร์สปอร์ต 1,000 ซี.ซี. เท่านั้นที่ใส่กัน ซึ่งระบบ IMU ที่ว่าจะรับหน้าที่วัดองศาต่าง ๆ บนตัวรถแบบรอบทิศทางเพื่อนำไปประมวลผลเพื่อช่วยควบคุมสมดุลของตัวรถขณะเข้าโค้งให้มีความสมดุลอยู่ตลอดเวลา
ยังไม่หมดกับระบบ ABS , Assist Slipper Clutch(ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลังขณะเปลี่ยนเกียร์ลง) , HSTC(ตรวจสอบความเร็ว ของล้อหน้า-หลังให้สัมพันธ์กัน) และ HESD(กันสะบัดไฟฟ้า) ที่ถูกติดตั้งไว้อย่างเนียนตาบริเวณใต้ถังน้ำมัน
ต่อมากับโหมดการขับขี่ที่มีให้ผู้ขับขี่เลือกปรับใช้ถึง 5 โหมดด้วยกันโดยแบ่งออกเป็น 3 โหมดมาตรฐานคือ
-Mode 1 คือโหมดที่แรงที่สุดพละกำลังเครื่องยนต์มาเต็ม ระบบเบรก และระบบการช่วยเหลือต่าง ๆ น้อยสุด
-Mode 2 คือโหมดที่เหมาะสำหรับการขับขี่ใช้งานบนถนน ในชีวิตประจำวัน ถูกลดทอนพละกำลังรอบเครื่องยนต์ลงมา
-Mode 3 คือ โหมด Rain หรือไว้ขับขี่บนพื้นถนนที่เปียกลื่น หรือช่วงเวลาที่ฝนตกนั่นเอง
ส่วนต่อมาจะเป็น User Mode ที่มีมาให้ 2 โหมดด้วยกัน ซึ่งทั้ง 2 โหมดนี้ให้คุณสามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวรถได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Power Selector(P) , Wheelie Control (W) , Honda Selectable Torque Control(T) และ Selectable Engine Breke(EB) เรียกว่าปรับได้ตามใจชอบเลยลูกพี่ ซึ่งแต่ละค่าก็สามารถปรับได้อย่างละเอียดสุดๆ
สำหรับ 2021 New CBR600RR คันนี้ไม่บอกก็รู้ว่ามันคือรถสปอร์ตแร็พพริก้าแบบเต็มขั้น ที่ภายนอกคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะมันทั้งสวยงาม ดุดัน และน่าเกรงขามยามเมื่อขับขี่บนท้องถนน ซึ่งรถคันนี้เป็นรถที่สามารถใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และในสนามแข่งขัน หรือการขับขี่เซอร์กิตในแทร็คสนามนั่นเอง
ซึ่งจากการที่เราได้ทดสอบขับขี่ใช้งานจริงกว่า 200 กม. บนทุกสภาพถนน ตั้งแต่รถติดในเมือง วิ่งทางไกลยาว ๆ สภาพถนนเปียกลื่นในช่วงฝนตก รวมไปถึงหลุมบ่อต่าง ๆ ในช่วงของการทำถนน CBR600RR คันนี้ทำออกมาได้ดีทีเดียว เราได้ขี่มันอยู่ทั้งวันบนทุกสภาพถนน ซึ่งมันไม่ได้เมื่อยอย่างที่คิด คุณสามารถขี่มันเป็นระยะทาง 100- 200 กม. ได้สบายๆ แล้วค่อยหยุดพัก
เทคโนโลยีช่วยเหลือทุกอย่างบนตัวรถใช้งานง่าย ตอบสนองฉับไว จึงทำให้คุณขับขี่ได้อย่างสนุก และเพลิดเพลิน แต่หากจังหวะไหนที่คุณอยากซิ่งหล่ะก็จัดไปได้เลย เพราะเจ้า CBR600RR คันนี้พร้อมพาคุณพุ่งไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่ในความแรงเหล่านี้ Honda ก็ยังคงเป็น Honda เพราะมันให้ความรู้สึกที่เป็นมิตร ควบคุมง่าย ซึ่งมันทำให้เราสนุกไปกับตัวรถได้จริง ๆ
แม้เราต้องขับขี่ในสภาพอากาศที่ฝนตกอยากหนักโดยการเปิดใช้โหมด Rain รถก็ยังคงให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดคันเร่ง การเบรกต่าง ๆ ที่ตัวรถสามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีไม่แสดงอาการท้ายปัด หรือลื่นไถลให้เห็นแต่อย่างใด ซึ่งมันช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ตัวผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก
สุดท้ายนี้หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ตเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเราเชื่อเลยว่า 2021 New CBR600RR คันนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง เพราะมันสามารถพาคุณขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ และหากอยากลงไปซิ่งในสนามก็ย่อมได้ เรียกได้ว่าใช้งานก็ดี ลงแข่งก็พร้อม จบในคันเดียว