![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 01]()
4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด
ในปัจจุบันเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการจราจรอันหนาแน่น จะมองไปทางไหนก็มีแต่รถติด และนอกจากเราต้องเจอปัญหาทางด้านการจราจรแล้ว การขับขี่หรือการใช้รถในกรุงเทพฯ นั้นยังต้องพบเจอกับปัญหาของพื้นผิวการจราจรที่ไม่ราบเรียบอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นฝาท่อ พื้นถนนไม่เรียบหรือบางพื้นที่เข้าขั้นหลุมบ่อกันเลยทีเดียว
ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับชาวกรุงมาอย่างช้านาน ยิ่งในตอนนี้มีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเส้นทางต่าง ๆ ก็ยิ่งดูเหมือนว่าเส้นทางหรือสภาพถนนจะแย่หนักลงไปกว่าเดิม และสุดท้ายเราคิดว่าปัญหาเหล่านี้คงจะไม่หมดไปจากกรุงเทพฯ ง่าย ๆ อย่างแน่นอน มีเพียงสิ่งเดียวที่เราจะทำได้ก็คือการปรับตัว และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งวันนี้ทาง AutoFun Thailand ก็เลยอยากนำเสนอ 5 รถมอเตอร์ไซค์สายวิบากที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ ที่รับรองได้เลยว่าหากคุณนำมาใช้งานบนถนนในกรุงเทพมันจะเป็นอะไรที่เวิร์คสุด ๆ เสมือนได้ซ้อมขี่ในเส้นทางวิบากไปในตัวก็ว่าได้
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 02]()
วิบากพอไหมใจกลางเมือง
4 รถสายลุยที่เหมาะกับถนนกรุงเทพฯ
|
Yamaha WR155R |
105,000 บาท |
Honda CRF300L |
145,800 บาท |
Honda CRF300 Rally |
172,200 บาท |
Kawasaki KLX230 |
121,300 บาท |
1.Yamaha WR155R ราคา 105,000 บาท
มาเริ่มกันที่คันแรกกับค่ายส้อมเสียง Yamaha ด้วยรถสายลุยขนาดกำลังดีอย่าง Yamaha WR155R รถมอเตอร์ไซค์สไตล์วิบากที่มันมาพร้อมกับรูปร่างที่เล็ก เพรียวบาง น้ำหนักเบา เน้นความคล่องตัว และความปราดเปรียวตามสไตล์รถสายลุย กับเครื่องยนต์ขนาด 155 ซี.ซี. สูบเดี่ยว 4 จังหวะ SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ และแน่นอนว่ามันมาพร้อมเทคโนโลยี VVA ระบบวาล์วแปรผันจาก Yamaha จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด พร้อมถังน้ำมันขนาดความจุ 8.1 ลิตร
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 01]()
Yamaha WR155R
บวกกับช่วงล่างที่ให้มากับโช้คอัพด้านหน้าแบบเทเลสโคปิคขนาดแกน 41 มม. จาก KYB ส่วนด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยวแบบ Monocross ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม และกระเดื่องซับแรง ซึ่งสามารถเลือกปรับค่าความแข็งได้ถึง 5 ระดับ ซึ่งเรียกได้ว่าลุยได้สบายตัวกับพื้นผิวถนนในกรุงเทพฯ และตัวรถที่เล็ก น้ำหนักเบากับเครื่องยนต์ที่มีรอบต้นที่จัดจ้านทำให้ Yamaha WR155R คันนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับขับขี่ใช้งานในกรุงเทพฯ
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 02]()
ช่วงล่างเอาอยู่
2. Honda CRF300L ราคา 145,800 บาท
มาต่อกันด้วยค่ายปีกนก Honda กับรถที่เกิดมาเพื่อลุยอย่าง Honda CRF300L รถสายฝุ่นตัวลุยที่มาพร้อมงานดีไซน์ตัวรถที่สวยงาม ปราดเปรียว กับไฟด้านหน้าแบบ LED ทรงหกเหลี่ยม Hexagon ที่หล่อสุด ๆ ในสายทางฝุ่น โดยตัวรถมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 300 ซี.ซี. 4 จังหวะ DOHC ที่มาพร้อมหัวฉีดแบบ PGM-FI ทำงานร่วมกับชุดเกียร์แบบ 6 สปีด ที่สำคัญเกียร์ชุดนี้มาพร้อมกับระบบ ASSIST SLIPPER CLUTCH ที่ช่วยป้องกันล้อล็อคขณะเปลี่ยนเกียร์ทำให้ขับขี่ได้อย่างสนุกยิ่งขึ้น
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 03]()
Honda CRF300L
นอกจากเครื่องยนต์อันจัดจ้านแล้ว Honda CRF300L ยังมาพร้อมกับน้ำหนักที่เบาจากตัวเฟรมใหม่ที่นอกจากช่วยทำให้รถดูปราดเปรียวขึ้นแล้วยังสามารถรีดน้ำหนักออกไปได้ถึง 2.15 กิโลกรัม แถมตัวสวิงอาร์มด้านหลังยังถูกลดน้ำหนักไปอีก 550 กรัม ชุดแกนคออีก 720 กรัม บวกกับท่อไอเสียใหม่ที่บางลงพร้อมคอท่อที่เบาลงอีก 600 กรัม ทำให้โดยรวมแล้ว CRF300L มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 138 กก. เท่านั้น และแน่นอนว่ามันมาพร้อมช่วงล่างที่ให้คุณโดดเนินแบบรถโมโตครอสได้แบบสบาย ๆ เพราะฉะนั้นการใช้งานในถนนอย่างกรุงเทพฯ หายห่วง
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 04]()
น้ำหนักเบาหน้าหล่อ
3.Honda CRF300 Rally ราคา 172,200 บาท
ต่อมากับอีกหนึ่งรุ่นของ Honda ในตระกูล CRF เช่นเดียวกันกับเจ้า Honda CRF300 Rally ซึ่งสำหรับรถรุ่นนี้ในด้านของเครื่องยนต์นั้นไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจาก Honda CRF300L แต่สำหรับในรุ่นอย่าง Honda CRF300 Rally นั้นมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้รองรับกับการเดินทางไกลที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น หรือพูดง่าย ๆ ก็คือขับขี่ออกทริปได้ เข้าป่าได้ โดยที่มีการปรับขนาดรูปร่างของรถให้มีมิติที่ใหญ่ขึ้น มีถังน้ำมันที่ใหญ่ขึ้น เบาะนั่งสบายขึ้นเพื่อรองรับการเดินทางไกล ๆ ในสไตล์ของรถทัวริ่ง
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 05]()
Honda CRF300 Rally
ซึ่งเท่ากับว่าหากคุณเลือกเจ้า Honda CRF300 Rally คันนี้คุณจะทั้งสามารถขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันก็ได้ หรือวันหยุดอยากจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด หรือเข้าป่าขึ้นภูเขาก็ย่อมได้ และแน่นอนว่าช่วงล่างเอาอยู่แน่นอนกับพื้นผิวถนนในกรุงเทพฯ
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 06]()
ท่าทางการขับขี่ที่พร้อมเดินทางไกลได้ด้วย
4.Kawasaki KLX230 ราคา 121,300 บาท
Kawasaki KLX230 เป็นรถมอเตอร์ไซค์ออฟโรดสายลุยจากทาง Kawasaki ที่มาพร้อมรูปทรงอันปราดเปรียว เน้นความคล่องตัวที่สูงในการใช้งาน ตัวรถโดดเด่นมาด้วยชุดไฟด้านหน้าที่ทาง Kawasaki ให้ความสำคัญเป็นพิเศษด้วยหลอดไฟด้านหน้า 60/55 วัตต์ ที่ช่วยให้แสงส่องสว่างในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1 สูบขนาด 233 ซี.ซี. SOHC 2 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยอากาศ ปรับปรุงมาเพื่อให้มีกำลังสำหรับการขับขี่บนทางฝุ่นโดยเฉพาะ ถูกเสริมด้วยแรงบิดที่มาแบบนุ่มนวล ทรงพลัง ควบคุมง่าย และให้อัตราเร่งที่ดีอย่างต่อเนื่อง บวกกับตัวเครื่องยนต์ที่มีขนาดกะทัดรัดทำให้ตัวรถมีน้ำหนักที่เบา และคล่องตัว กับน้ำหนักของตัวรถที่ 133 กก. เท่านั้น
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 07]()
Kawasaki KLX230
นี่คือรถมอเตอร์ไซค์สไตล์โมโตครอส ที่เน้นขับขี่ไปในเส้นทางออฟโรดที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือนี่คือรถสายป่า สำหรับผู้ที่หลงรักการเดินทางในรูปแบบของเส้นทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะขึ้นภูเขา ลุยน้ำ ฝ่าบ่อโคลน มันก็สามารถพาคุณบุกตะลุยเข้าไปได้ เพราะฉะนั้นใช้งานในกรุงเทพฯ ได้แบบสบาย ๆ
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 08]()
ทางดำก็ได้ ทางฝุ่นก็ดี
และทั้งหมดนี้คือรถวิบาก หรือรถโมโตครอสที่มีวางจำหน่ายในตลาดเมืองไทยอยู่ ณ เวลานี้และสามารถจดทะเบียนได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งอาจจะเห็นว่าทาง AutoFun Thailand ไม่ได้นำรถที่เป็นรถสูตร หรือรถที่ใช้สำหรับแข่งขันมารวมอยู่ด้วยเพราะรถจำพวกนั้นใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวันไม่ได้นั่นเอง รวมไปถึงรถอย่าง Honda CRF450L ตัวลุยอีกหนึ่งรุ่นจาก Honda ที่เราไม่ได้นำมาจัดอันดับก็เพราะว่าทั้งราคา และสมรรถนะของตัวรถนั้นมันใกล้เคียงระดับรถแข่งขันจนเกินไปเราจึงคิดว่ามันไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปเท่าไหร่นัก
![4 มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้เป็นที่สุด 09]()
Honda CRF450L
โดยรถทั้ง 4 รุ่นที่เรามานับเสนอนั้นบอกได้เลยว่าเหมาะกับถนนในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้ที่สุดแล้ว ทั้งขี่สบาย ช่วงล่างรองรับทุกพื้นผิวถนน ขุมพลังจากเครื่องยนต์มีให้ใช้ แถมขี่ไปไหนมาไหนยังเท่ และดูเป็นตัวของตัวเองแบบสุด ๆ อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม : 2020 All New Honda CRF300L & CRF300 RALLY
อ่านเพิ่มเติม : 2021 Kawasaki KLX230
อ่านเพิ่มเติม : 2021 New Honda CRF450RL
อ่านเพิ่มเติม : 2020 Yamaha WR155R