- เครื่องยนต์เบนซิน 6 ที่นั่งครั้งแรกของรุ่น
- ปรับออพชั่นภายใน-ภายนอกน่าใช้งานขึ้น
- อัพเกรดระบบความปลอดภัยเหนือไปอีกขั้น
Mazda (มาสด้า) คือหนึ่งในค่ายรถยนต์ในประเทศไทย ที่เน้นการทำตลาดรถกลุ่มครอสโอเวอร์/เอสยูวีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า โดยพวกเขามีรถยนต์กลุ่มนี้ที่หลากหลายรุ่น เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นใช้งาน ไปจนถึงกลุ่มใหญ่ที่เน้นการใช้งานแบบครอบครัวขนาดใหญ่ขนกันไปไหนได้ทั้งครัวเรือน
ในรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Mazda CX-8 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-8) นั้นก็มีการเปิดตัวทำตลาดมาได้สักระยะ และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยใเฉพาะในช่วงที่มีการทำตลาดด้วยราคาที่เร้าใจก่อนหน้านี้ ก่อนที่มาสด้าจะทำการปรับโฉมคร้้งใหม่ให้กับเอสยูวีตัวท็อป ที่มีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดหลายจุดเพื่อที่จะเอาใจผู้บริโภคให้ถูกจุด
AutoFun Thailand ได้รับเชิญจากมาสด้า ประเทศไทย เข้าร่วมการทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดคันนี้บนเส้นทางหาดใหญ่-เบตง และประจำการอยู่ในรุ่น 2.5SP Exclusive ซึ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินตัวท็อป ที่มาพร้อมเบาะที่นั่งแบบใหม่ 6 ที่นั่ง และการเปลี่ยนแปลงของออพชั่นที่คุ้มค่าตัวในราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ 1.699 ล้านบาท
ถือเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ สำหรับตลาดรถยนต์ครอบครัวที่เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันบนท้องถนนเลยทีเดียว...
ภายนอกปรับมาเน้นความสปอร์ตลงตัวกว่าเดิม
หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่ามาสด้าไม่ได้เน้นการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ภายนอกของรถมากนัก แต่หากมาดูในรายละเอียดจริง ๆ ก็ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการปรับมาใช้กระจังหน้าแบบใหม่แบบ Mesh 3D สีเปียโนแบล็กที่ทำให้ตัวรถดูพรีเมียมมากขึ้น รวมถึงรถทดสอบรุ่นที่เราประจำการนั้นมีการติดตั้งซันรูฟมาให้เป็นที่เรียบร้อย พร้อมด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และติดตั้งคิ้วตกแต่งสีเงินที่ด้านข้างของตัวรถ มาพร้อมไฟหน้าแบบแอลอีดี โปรเจคเตอร์ ไฟเดย์ไทม์และไฟท้ายแอลอีดี ซิกเนเจอร์ เสาอากาศแบบครีบฉลาม สปอยเลอร์หลังและท่อไอเสียคู่ ที่หายไปจากรุ่นท็อปก็มีแค่แร็คหลังคาและไฟตัดหมอกหน้าก็แค่นั้นเอง
ปรับออพชั่นห้องโดยสารเน้นพรีเมียม แต่คนนั่งได้น้อยลง
จากรถครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง ในเบนซินรุ่นท็อปนี้ได้มีการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ครอบครัวไม่ใหญ่ขนาดนี้ ด้วยการติดตั้งเบาะที่นั่งแบบกัปตันซีท ที่เว้นทางเดินตรงกลางให้ผู้โดยสารแถว 3 เดินผ่านไปตอนท้ายรถได้ แต่เบาะแถว 2 ยังปรับด้วยมืออยู่ ไม่ได้ปรับด้วยไฟฟ้าแบบรุ่นท็อป เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบระบายอากาศเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ ก็ยังมีการใส่ออพชั่นอย่างไวร์เลส ชาร์จเจอร์มาให้ เครื่องเสียง Bose พร้อมลำโพง 10 ตัว หน้าจอกลางขนาด 8 นิ้วรุ่นมาตรฐาน ระบบปรับอากาศแบบ 3 โซน พร้อมด้วยช่องชาร์จไฟทั่วคันรถ ขณะที่เบาะสามพับได้เรียบ เก็บสัมภาระได้จำนวนมาก และวัสดุที่เลือกใช้ในตัวรถนั้นถือว่ามีความพรีเมียมอยู่เอาเรื่อง
เครื่องยนต์รุ่นเดิม ใช้ดีอยู่แล้ว จิบน้ำมันแบบรับได้นะ
มาสด้ายังคงเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร สกายแอคทีฟ ประจำการในรถยนต์เวอร์ชั่นเบนซิน ซึ่งเครื่องยนต์รุ่นนี้ให้กำลังสูงสุดที่ 194 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 258 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เพื่อลากรถที่มีน้ำหนัก 1,781 กิโลกรัม การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่เฉลียวฉลาด ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมและต่อเนื่องตลอดการขับขี่ ประกอบกับช่วงล่างของรถที่ออกแบบมาให้จิกโค้งจิกถนนอย่างสนุกสนานตลอดการขับขี่ผ่านโค้งภูเขามาตลอดระยะทาง แถมเบรกอย่างหนึบแน่นเอาอยู่ทุกโค้ง ขณะที่อัตราการจิบน้ำมันบนหน้าจอแสดงที่ 10 กิโลเมตรต่อลิตร ก็ถือว่ารับได้เมื่อแลกกับสมรรถนะของรถที่ใช้งานจริง
เพิ่มออพชั่นปลอดภัย จากเดิมที่มีให้ล้นคันอยู่แล้ว
แม้ว่าจะยืนหนึ่งและเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์และระบบความปลอดภัยในรุ่นกลุ่มนี้มานาน แต่มาสด้าก็ยังเพิ่มความคุ้มค่าด้วยการติดตั้งออพชั่นใหม่ ๆ เข้ามาให้กับรถในรุ่นต่าง ๆ โดยในรุ่นที่เราขับนั้น ได้รับการเพิ่มเติมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ที่หยุดรถได้จนถึงจุดหยุดนิ่งมาให้ ผสานกับระบบอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกล้องแสดงภาพแบบ 360 องศา ระบบเตือนรถในจุดบอดขณะเปลี่ยนเลยและจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบเตือนชนพร้อมช่วยเบรกด้านหน้า ระบบเตือนและควบคุมรถในเลน เซนเซอร์กะระยะ 8 ตำแหน่งรอบรถ และให้ถุงลมนิรภัยมา 6 ตำแหน่งตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เรียกว่าเป็นครอสโอเวอร์ที่มีความปลอดภัยระดับสูง น่าใช้งานอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ต่างจากตัวท็อปดีเซลครึ่งล้าน ควรขยับไปไหม
ลูกค้าหลายคนอาจจะลังเลใจว่าควรขยับไปเล่นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีราคาจำหน่าย 2.199 ล้านบาทหรือไม่ หากคุณจ่ายไหว นอกจากจะได้เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ที่มีแรงบิดสูงกว่าที่รอบต่ำกว่า แต่แรงม้าน้อยกว่านิดหน่อย ก็ยังจะได้กระจังหน้าสี Gun Metallic แร็คหลังคา เพิ่มคิ้วตกแต่งกันชนหน้า พร้อมล้อลายใหม่ เพิ่มไฟตัดหมอกคู่หน้า และไฟหน้าแอลอีดีแบบอัจฉริยะ ได้เบาะแถว 2 ปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมคอนโซลกลางและระบบระบายอากาศ ภายในได้เบาะหนังสีแดงพร้อมระบบอุ่นเบาะ แต่เหนืออื่นใดก็คือการได้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะขับขี่แบบออฟโรด ซึ่งจะทำให้รถคันนี้กลายร่างเป็นเอสยูวีสายลุย พร้อมท้องรถที่สูง 200 มิลลิเมตรไปทันที
ซื้อรุ่นไหนดีจาก 5 รุ่นย่อยที่เปิดตัวออกมา
มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 มีให้เลือกทั้งสิ้น 5 รุ่นย่อย ประกอบไปด้วยเบนซิน 3 รุ่นและดีเซล 2 รุ่น โดยมีห้องโดยสารแบบ 6 ที่นั่งให้เลือกในรุ่นท็อปของ 2 เครื่องยนต์เท่านั้น นอกนั้นจะเป็นแบบ 7 ที่นั่งทั้งหมด และมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือกเพียงรุ่นเดียว สนนราคานั้น ไล่ไปตั้งแต่ 1.549-2.199 ล้านบาท เอาจริง ๆ ถ้าคิดจะเอารถคันนี้ไปลุย ก็ต้องไปรุ่นท็อปเท่านั้น แต่หากไม่ได้เน้นมาก ก็ต้องมาเลือกว่าอยากได้ห้องโดยสารแบบไหน เพราะโดยส่วนตัวคิดว่าเครื่องยนต์ดีเซล 7 ที่นั่งน่าจะดูลงตัวที่สุด ทั้งการขับขี่และการใช้งาน แต่ก็แลกกับค่าตัวที่แพงกว่ารุ่นที่เราขับในทริปนี้ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ออพชั่นรุ่นเริ่มต้นที่ให้มา ก็ถือว่ามีความครบครันอยู่แล้วในระดับหนึ่ง พร้อมระบบความปลอดภัยเพียบ ๆ
2022 Mazda CX-8 |
รุ่นย่อย |
ที่นั่ง |
ราคา |
2.5 S |
7 |
1.549 |
2.5 SP |
7 |
1.619 |
2.5 SP EXCLUSIVE |
6 |
1.699 |
XDL |
7 |
1.849 |
XDL EXCLUSIVE |
6 |
2.199 |
เป็นรถที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าครอบครัวที่ไม่อยากขับพีพีวี เพราะอยากได้ฟีลรถเก๋งมากกว่านั่นเอง...