หากนึกถึงเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบาลงแต่มีความแข็งแรงมากขึ้น อาจทำให้เรามีรถยนต์ที่มีน้ำหนักเบากว่าใน 20 ปีที่แล้วก็ได้
แต่นั่นก็ไม่เสมอไป เพราะด้วยความต้องการด้านความปลอดภัยในการชน และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นระบบไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์เองก็ยิ่งทำให้รถยนต์หนักเข้าไปทุกวัน โดยเฉพาะในรถยนต์ไฟฟ้า
เราจะพาไปดูกันว่า 8 อันดับรถยนต์ที่มีน้ำหนักตัวถือว่าหนักเกินรถปกติจนน่าทึ่ง
8. Bugatti Chiron Sport - 2,061 กิโลกรัม
ไม่น่าเชื่อว่ารถสปอร์ตอย่าง Bugatti Chiron Sport ที่ต้องการทำความเร็วสูงนั้นก็ไม่ได้มีน้ำหนักเบาอย่างที่คิด แต่นั้นก็มาจากเครื่อง W16 สูบที่มีไว้เพื่อใช้ทำลายกำแพงความเร็ว 300 ไมล์/ชั่วโมงลง
รวมถึงการที่มีน้ำหนักตัวมาก็ยังมีข้อดี ด้วยจะป็นการเพิ่มแรงกดให้กับตัวรถ, เสริมแอโรไดนามิกส์ และทำให้เบรกดีกว่าเดิม และตัว Chiron Sport ก็ถือเป็นรุ่น Chiron ที่เบาที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับคันอื่น
7. Rimac Nevera - 2,150 กิโลกรัม
ตัวรถ Rimac Nevera เองก็เป็นรถที่แสดงให้เห็นว่าสปอร์ตไฟฟ้าก็ไม่สามารถหลีกหนีจากการมีน้ำหนักตัวที่เยอะจากแบตเตอรี่ได้
มีมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว, กล้อง 13 ตัว, เรดาร์ 6 ตัว, เซนเซอร์อัลตร้าโซนิค 12 ตัว และคอมพิวเตอร์ที่มีปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำ แต่มันก็ทดแทนด้วยแชสซีคาร์บอนไฟเบอร์แบบโมโนค็อกและเบาะคาร์บอนจึงพอลดน้ำหนักได้บ้าง
และความแรงระดับ 1,914 แรงม้าที่ก็คงพอให้อภัยได้
6. Porsche Taycan Turbo S - 2,321 กิโลกรัม
อีกหนึ่งรถสปอร์ตไฟฟ้าที่หลายคนอยากเป็นเจ้าของ Porsche Taycan Turbo S (ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส) มีพละกำลังมากถึง 750 แรงม้าด้วยแบตขนาด 93.4 kWh และระยะวิ่ง 341 กม.
ข่าวดีก็คือ แบตเตอรี่แบบ solid-state กำลังจะมาถึง ซึ่งมีความหนานแน่นของพลังงานและน้ำหนักที่เบากว่าแบต lithium-ion ในปัจจุบัน จึงอาจพอช่วยลดน้ำหนักตัวไปได้
อ่านเพิ่มเติม Porsche เรียกคืน Taycan เพราะหากลูกค้าปรับเบาะอาจทำให้ถุงลมพัง
5. BMW X7 - 2,527 กิโลกรัม
ยักษ์ใหญ่ค่ายใบพัดสีฟ้า ที่ยังคงความใหญ่โตอยู่เรื่อย ๆ จนทางด้านหัวหน้าโปรเจคต์ตัวรถ Christoph Fagschlunger ต้องกล่าวเกี่ยวกับ BMW X7 (บีเอ็มดับเบิ้ลยู เอกซ์7) ไว้ว่า "ผมคิดว่ารถของเราจะไม่หนักไปมากกว่านี้แล้ว"
และการที่รถมีน้ำหนักมากเช่นนี้ ก็สามารถช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่และเทคโนโลยีได้เช่นกัน ในกรณีนี้ เพียงที่นั่งก็มีน้ำหนักมากกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนเกือบ 40 กิโลกรัมแล้ว
4. Mercedes-AMG G63 - 2,651 กิโลกรัม
ถือเป็นหนึ่งในรถที่บ่งบอกได้ถึงความมีตังค์ และความยิ่งใหญ่บนท้องถนน โดยเฉพาะใน Mercedes-AMG G63 ที่เหมือนกับก้อนอิฐที่แหวกอากาศ
มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ 577 แรงม้า ที่แม้อาจจะไม่ได้หนักมากมาย แต่อนาคตจะมีเวอร์ชั่นไฟฟ้าออกมาอีก คงหนักกว่าเดิมหลายเท่า
3. Rolls-Royce Cullinan - 2,752 กิโลกรัม
หากจะพูดถึงรถที่มีความใหญ่ จะขาด Rolls Royce (โรลส์-รอยซ์) ไปได้อย่างไร แน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าของพวกเขา ไม่ได้สนใจเรื่องราคาและอัตราประหยัดน้ำมันกันอยู่แล้ว การทำรถให้หรูหราที่สุดจึงเป็นเป้าหมายสำคัญ
Cullinan เองก็เป็น SUV รุ่นแรกของแบรนด์ และแน่นอนว่ามีน้ำหนักตัวเยอะกว่าซีดานมาก ทำให้ต้องใช้เครื่องยนต์ 6.75 ลิตร V12 เทอร์โบในการขับเคลื่อนร่างกาย ซึ่งก็ไม่ได้มีความเร็วมาก แต่นั่นก็ไม่ใช่เป้าหมายของรถอยู่แล้ว
2. GMC Hummer EV - 4,110 กิโลกรัม
Hummer ใหม่ ก็ยังถือว่ามีน้ำหนักตัวมหาศาลไม่ทิ้งหนีห่างรุ่นเก่าเลย ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 210 kWh น้ำหนักก็ปาไปแล้ว 1,325 กิโลกรัม ที่ต้องใช้ในการดันร่างไปข้างหน้า และมีระยะวิ่งเพียง 530 กม.เท่านั้น
และยังมีปัญหาเรื่องการปล่อยมลพิษที่ก็ยังถือว่ามากกว่ารถยนต์สันดาปบางคันเสียอีก
1. Conquest Knight XV 5,896 กิโลกรัม
อาจจะเป็นชื่อที่เราไม่รู้จักกันมากนัก Conquest Knight XV นั้นถูกสร้างมาให้เหมือนกับรถถังขนาดย่อมเคลื่อนที่ได้ สร้างโดยบริษัทในแคนาดา
ภายในสามารถเพิ่มอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมายทั้งเครื่องเกม Playstation, TV, ชุดเครื่องเสียงแบบไฮเอนด์, บุหนัง หรืออะไรก็ได้หากคุณจ่ายไหว หุ้มด้วยเกราะกันกระสุรอบคัน ตั้งแต่กระจกถึงยาง
ตัวรถมีพื้นฐานแชสซีมาจากกระบะ Ford F-550 ที่มีไว้เน้นการใช้งานจริงจัง พร้อมเครื่อง 6.7 ลิตร Ford Power Stroke V8 หรือ 6.8 ลิตร Triton V10
แม้ว่ารถยนต์บางคัน อาจจะไม่ใช่รถที่มีน้ำหนักมากที่สุดก็ตาม แต่มันก็แสดงให้เห็นว่า รถยนต์บางรุ่นที่เราคิดว่ามีน้ำหนักเบา เมื่อรวมเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าไปด้วยกันแล้ว ก็มีน้ำหนักมากไม่ต่างอะไรกับรถธรรมดาเลย
และก็ยังบ่งบอกได้ว่าในอนาคต น้ำหนักของตัวรถก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นทั้งความปลอดภัยและความบนเทิง ประกอบกับรถไฟฟ้าที่ยังมีแบตเตรี่อันหนักอึ้ง