- ชี้ต้นทุนรถผลิตในจีนถูกกว่าไทยแน่นอน
- โอกาสทองผู้บริโภคซื้อรถไฟฟ้าในปีนี้
- ฉลอง 10 ปีในไทย ตั้งเป้าหมายที่ 5 ตลาดรวม
MG (เอ็มจี) หนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในประเทศไทย ระบุรถยนต์ไฟฟ้าที่จะประกอบในประเทศ (ซีเคดี) ในปี 2568 เป็นต้นไปนั้น ไม่มีทางทำราคาจำหน่ายได้ต่ำกว่ารุ่นนำเข้าแบบสำเร็จรูป (ซีบียู) ได้อย่างแน่นอน แนะลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อภายในปีนี้ ชี้เป็นโอกาสทองของลูกค้าที่จะได้สินค้าที่ราคาคุ้มค่าที่สุดอย่างแน่นอน
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ประเทศจีนนั้นถูกกว่าในประเทศไทยมาก ทั้งในเรื่องของการผลิตจำนวนมากที่ส่งผลให้เกิดความคุ้มค่ามากกว่า รวมไปถึงปัจจัยเรื่องค่าแรงในการประกอบรถยนต์ในไทย และต้นทุนการนำเข้าชิ้่นส่วนที่สูงกว่าเช่นกัน
"ตอนนี้หลายคนถามว่าเข้ามาประกอบแล้วราคาจะถูกลงไหม ผมคิดว่าไม่อย่างแน่นอน ค่ายรถส่วนใหญ่ก็คงจะเน้นการรักษาราคาจำหน่ายเอาไว้ให้ได้ต่อเนื่อง เพราะต้นทุนการผลิตที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ หากลูกค้าซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงนี้ ก็จะมีออพชั่นและทางเลือกที่มากกว่า เนื่องจากการนำเข้าทั้งคันสามารถทำได้หลากหลายกว่าการผลิตที่มีข้อจำกัด"
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เล็งนำเข้ารถไฟฟ้าอีก 2 รุ่น ดันยอดขาย 1 หมื่นคัน
เอ็มจีตั้งเป้าหมายที่จะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่อีก 2 รุ่นในปีนี้ จากที่มีทำตลาดอยู่แล้ว 3 รุ่น ประกอบไปด้วย MG EP (เอ็มจี อีพี) MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) และ MG4 (เอ็มจี4) โดยในปีที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัททำได้ที่ประมาณ 4,000 คัน เป็นผลมาจากการขาดแคลนซัพพลายในด้านรถยนต์ไฟฟ้า จากปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์สำหรับการผลิต ซึ่งในปีนี้ได้มีการเจรจากับบริษัทแม่ในเรื่องการจัดสรรสินค้าเข้ามาแล้ว และคาดว่าจะทำให้บริษัทมียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100% เพิ่มเป็น 1 หมื่นคัน คิดเป็น 20% ของเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์ของเอ็มจี ประเทศไทยในปี 2566
ยังไม่ทิ้งตลาดรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป แม้ไม่มีสินค้าใหม่
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของบริษัทคาดว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้จะเติบโตขึ้นไปที่ระดับ 4 หมื่นคันมากที่สุด เมื่อเทียบกับตลาดรวมที่มีการคาดการณ์ที่ 9 แสนคัน จะพบว่ามีสัดส่วนไม่ถึง 5% อยู่ดี ทำให้บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าการทำตลาดรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน รวมถึงกลุ่มไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ยอดจำหน่ายรถกลุ่มนี้ที่ 4 หมื่นคันในปีนี้ เติบโตจากปีที่ผ่านมา ที่มียอดจำหน่ายรวม 27,293 คัน เพื่อหวังที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดอันดับ 5 ของประเทศไทย ในโอกาสครบรอบ 10 ปีการเข้ามาในประเทศไทยของแบรนด์เอ็มจี
เน้นการซัพพลายสินค้าทุกเซกเมนต์ แม้แนวโน้มตลาดแข่งดุ
สำหรับแผนงานหลักของเอ็มจีในปีนี้ จะเน้นการซัพพลายสินค้าในทุกเซกเมนต์ให้กลับมามีการส่งมอบอย่างต่อเนื่องทั้งปี หลังจากที่สินค้าหลายรุ่น เช่น MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) และ MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) ไม่มีการส่งมอบสินค้าไปหลายเดือน ทำให้ยอดจำหน่ายหดตัวลงไปมากและดีลเลอร์เองไม่กล้าทุ่มทำตลาดอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดการณ์ว่าในปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์จะแข่งกันรุนแรงมากขึ้น ทั้งในเรื่องของราคาและแคมเปญจากผู้ประกอบการ ประกอบกับการเติบโตของตลาดที่มีอัตราที่ลดลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งแม้ตลาดจะขยายตัว แต่ผู้ประกอบการก็ต้องการเดินหน้าทุกรายเช่นกัน
เดินหน้าศึกษาตลาดใหม่ เล็งขยายส่งออกเพิ่มเท่าตัว
พงษ์ศักดิ์กล่าวว่านอกเหนือจากสินค้าที่ทำตลาดอยู่นั้น เอ็มจีก็อยู่ระหว่างการพิจารณาหาสินค้าใหม่ ๆ มาทำตลาดในอนาคต โดยอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายแบรนด์ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มรถตู้โดยสารไฟฟ้า ก็พิจารณาว่ามีความต้องการของหลาย ๆ หน่วยงานในประเทศไทย ก็อาจจะนำเข้ามาทำตลาดในอนาคต นอกจากนี้ จะเร่งเดินหน้าส่งออกรถยนต์ไปจไหน่ายยังประเทศในอาเซียน อย่างอินโดนีเซียและเวียดนาม ที่มีแรวโน้มจะส่งออกเพิ่ม 1 เท่าตัวในปีนี้ จากปีที่ผ่านมาที่ส่งออกไป 6,684 คัน รวมถึงการเจรจาเพื่อเปิดตลาดใหม่ ๆ อย่างตลาดมาเลเซีย ก็อาจจะเห็นเพิ่มเติมได้ในปีนี้
ชี้ตลาดรถยนต์อาจกลับมาทะลุ 1 ล้านคันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม หากดูการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมก็จะพบว่ามีความสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมา แม้ตลาดรถยนต์จะเติบโตเหนือจีดีพี แต่ก็มีปัญหาในเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 24 ปี ซึ่งในปีนี้ รัฐบาลประเมินว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวโดนจีดีพีจะอยู่ที่ 3.6% อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ประกอบการกับขยายตัวของเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยว รวมถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น น่าจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตได้ตามเป้าหมาย และหากยังมีการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะที่จะเห็นตลาดรถยนต์ปีละ 1 ล้านคันได้อีกครั้งใน 2-3 ปีข้างหน้า
ถือเป็นเป้าหมายที่ใครก็อยากเห็นกันอีกครั้งเช่นกันสำหรับประเทศไทย...
Pisan
หัวหน้าทีมบรรณาธิการ
Head of Content ของ AutoFun Thailand ผู้ใช้ชีวิตกับรถมาตั้งแต่สมัยใส่ขาสั้นไปโรงเรียน ทุกวันนี้รถติดบนถนนมากกว่าวันละ 2-3 ชั่วโมง ที่้บ้านใช้งานรถหลายแบบ ตั้งแต่อีโคคาร์ เอ็มพีวีไปยันปิกอัพ อยู่ในวงการมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ทำมาแล้วทุกอย่างทั้งงานเปิดตัว ทดสอบรถ ผ่านการอบรมการขับขี่ตั้งแต่คอร์สเริ่มต้นไปจนแอดวานซ์จากค่ายรถมากมายทั้งในและต่างประเทศ ยังเชื่อว่ารถทุกคันทำมาสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม ถ้ามันไม่เหมาะกับคุณ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ดีสักหน่อยนะ...
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });