2024 Volvo EX30 (2024 วอลโว่ อีเอ็กซ์30) เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถือเป็นเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นเล็กที่ในค่ายทันที โดยมีราคาจำหน่าย ดังนี้
- Volvo EX30 Core - Single Motor Extended Range ราคาเริ่มต้นที่ 1,590,000 บาท
- Volvo EX30 Ultra - Single Motor Extended Range ราคาเริ่มต้นที่ 1,790,000 บาท
- Volvo EX30 Ultra - Twin Motor Performance ราคาเริ่มต้นที่ 1,890,000 บาท
สิ่งที่น่าสนใจคือ Volvo EX30 มีสเปคที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ มาดูกันว่าในบ้านเราจะมีอะไรที่ควรรู้ก่อนที่จะซื้อรถคันนี้กันบ้าง
ทุกรุ่นมีแบตเตอรี่ขนาดเดียวกัน
Volvo EX30 ทั้งสองรุ่นนั้นใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion Nickel rich NMC ความจุเดียวกันคือ 69 kWh สามารถชาร์จ AC ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 11 kW จาก 0-100% ได้ภายใน 7.5 ชั่วโมงเท่านั้น และรองรับการชาร์จ DC ที่ความเร็วสูงสุด 153 kW
สำหรับ EX30 รุ่น Core และ Ultra - Single Motor Extended Range นั้นมาพร้อมขุมพลังเดียวกันคือ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. ระยะทางขับขี่ไกลสุด 480 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTP)
ส่วน EX30 รุ่น Ultra Twin Motor Performance จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 428 แรงม้า ซึ่งประกอบด้วยมอเตอร์ด้านหน้า 156 แรงม้า และด้านหลัง 272 แรงม้า และให้แรงบิดรวมที่ 543 นิวตันเมตร (ด้านหน้า 200 แรงม้า หลัง 343 แรงม้า) ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุดไว้ที่ 180 กม./ชม. ระยะทางขับขี่ไกลสุด 460 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTP)
สเปคไทยได้ล้อ 18 และ 19 นิ้วเท่านั้น
สำหรับ 2024 Volvo EX30 ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะพร้อมล้ออัลลอยขนาด 225/55 R18 และ 245/45 R19 ขึ้นกับรุ่นย่อย แต่จะยังไม่มีล้อขนาด 20 นิ้วแบบในภาพที่โปรโมทไว้
ภายในมาพร้อมการตกแต่งทั้งหมด 3 รูปแบบ
Volvo EX30 มีการออกแบบภายในที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียนที่สร้างความผ่อนคลายและสนุกสนานได้ในเวลาเดียวกัน สามารถปรับแต่งธีมการตกแต่งภายในด้วยไฟภายในห้องโดยสารได้ถึง 5 รูปแบบ โดยมีแรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์ในแถบสแกนดิเนเวีย
ภายในของ EX30 แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบขึ้นอยู่กับสีตัวถังภายนอก ได้แก่
- สีฟ้า Cloud Blue จะเลือกภายในได้ 2 แบบ ได้แก่ Breeze และ Indigo
- สีขาว Crystal White Metallic จะเลือกภายในได้ 3 แบบ ได้แก่ Breeze, Indigo และ Mist
- สีเหลือง Moss Yellow จะเลือกภายในได้ 1 แบบ ได้แก่ Mist
- สีดำ Onyx Black Metallic จะเลือกภายในได้ 2 แบบ ได้แก่ Indigo และ Mist
- สีเทา Vapour Grey Metallic จะเลือกภายในได้ 1 แบบ ได้แก่ Indigo
ทั้งนี้ ในรุ่น Core จะไม่มีสีตัวถัง Moss Yellow ให้เลือก และได้รับการตกแต่งภายในแบบ Indigo เท่านั้น
หากงบถึงให้เลือกรุ่น Ultra ไปเลย
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Volvo EX30 ในบ้านเรามีช่วงราคาให้เลือกตั้งแต่ 1.59 - 1.89 ล้านบาท แต่เราจะแนะนำให้เลือกเป็นรุ่น Ultra ทั้งรุ่น Single Motor และ Twin Motor เพราะทั้งสองรุ่นนี้จัดเต็มออพชั่นเท่ากัน ต่างกันเพียงระบบขับเคลื่อนเท่านั้น
EX30 ทุกรุ่นย่อยจะมาพร้อมออพชั่นพื้นฐานที่เพียงพอต่อการใช้งาน เช่น ไฟหน้า LED พร้อมปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ, หน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้วที่รองรับ Digital Services จาก Google, ระบบ Adaptive Cruise Control with Queue Assist, ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน LKA, ระบบแจ้งเตือนการจราจรเมื่อเปิดประตู รวมถึงระบบความปลอดภัยพื้นฐานที่ครบครัน
แต่ในรุ่น Ultra ทั้งสองขุมพลังจะได้ออพชั่นที่ให้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น สมกับที่ลูกค้าของ Volvo คาดหวังกับความพรีเมียมของแบรนด์ ได้แก่
- กล้อง 360 องศา
- ระบบควบคุมอากาศภายในรถ พร้อมเซนเซอร์วัด PM2.5
- ปรับอากาศแยก 2 โซน
- เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อม Lumbar Support
- เซนเซอร์หน้า-หลัง
- พาโนรามิคซันรูฟ
- กุญแจดิจิตอลพลัส
- ฝากระโปรงหลังเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
- ไฟส่องสว่างในรถที่เปลี่ยนธีมได้
- ระบบเสียง Premium Sound by Harman Kardon พร้อม Soundbar แอมปลิไฟเออร์ 1040 วัตต์ และลำโพง 9 ตำแหน่ง
- ระบบเตือนจราจรที่ตัดมาด้านหลังพร้อมเบรคอัตโนมัติ Cross Traffic Alert with auto brake - Front and Rear
- ระบบเตือนเปลี่ยนเลน Lane Change Assist
Volvo EX30 ถือเป็นเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่ซึ่งทำราคาได้ดี อาจตีตลาดผู้เล่นรถพรีเมียมหน้าใหม่ได้ไม่ยาก มาดูกันว่าหลังจากนี้ EX30 จะได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด
อ่านเพิ่มเติม: เปิดตัว 2024 Volvo EX30 อีวีรุ่นเล็กสุดในค่าย วิ่งได้ 480 กม. ราคา 1.59 ล้านบาท