2022 Mercedes-Benz C-Class (2022 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) รหัส W206 เปิดตัวในตลาดโลกมาสักพักแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงมากมายจากเดิม ด้วยรูปร่างภายนอกใหม่ที่คล้ายถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง S-Class และภายในที่ล้ำสมัยมากขึ้น

• จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX ขนาดใหญ่ 11.9 นิ้ว แนวตั้ง
• ไฟหน้าใหม่ DIGITAL LIGHT
• แบตเตอรี่ในรุ่น Plug-in Hybrid ในโหมด EV ขับขี่ได้ถึง 100 กม.
• ระบบความปลอดภัย Active safety และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น
• ระบบเลี้ยวล้อหลัง

2022 Mercedes-Benz C-Class ยังเผยถึงออพชั่นที่สำคัญที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นเดิมที่สาวกค่ายดาวสามแฉกอาจพลาดไม่ได้ จนต้องเก็บเงินรอเปิดตัวในไทย

หน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX ขนาดใหญ่ 11.9 นิ้ว แนวตั้ง

นอกจากรูปร่างภายนอก จุดเด่นแรกที่สามารถสังเกตได้คือ ภายในที่ล้ำสมัยมากขึ้น ด้วยหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX ขนาดใหญ่ 11.9 นิ้ว เป็นหน้าจอแนวตั้งครั้งแรกใน C-Class พร้อมจอมาตรวัดดิจิตอลหลังพวงมาลัยขนาดใหญ่ที่สุด 12.3 นิ้ว

ไฟหน้าใหม่ DIGITAL LIGHT และสามารถฉายสัญลักษณ์ลงบนพื้นถนนได้อีกด้วย

2022 Mercedes-Benz C-Class จะให้ไฟหน้า LED High Performance มาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือฟังก์ชั่น DIGITAL LIGHT 

ในโคมไฟหน้าแต่ละข้างประกอบด้วยดวงไฟ LED ถึง 3 ดวง ซึ่งในแต่ละโคมจะใช้กระจกไมโครกว่า 1.3 ล้านตัวเพื่อหักเหแสงเพื่อให้ความสว่างที่มากพอสำหรับการขับขี่

ซึ่งนอกจากจะให้แสงสว่างที่เพียงพอต่อการขับขี่ตอนกลางคืนแล้ว ยังสามารถปรับแสงไฟไปตามทิศทางที่ขับขี่ และสามารถฉายสัญลักษณ์แจ้งเตือนไปบนถนนได้อีกด้วย

แบตเตอรี่ในรุ่น Plug-in Hybrid ในโหมด EV ขับขี่ได้ถึง 100 กม.

คาดว่า Mercedes-Benz C-Class ใหม่ ที่จะทำตลาดในประเทศไทยประกอบด้วย 2 รุ่น ได้แก่ C220d เครื่องยนต์ดีเซล และ C300e เครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริด

ในรุ่น C220d จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส OM654M มาพร้อมกับระบบ Mild Hybrid ที่พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าไฟฟ้า 48V หรือที่เรียกว่า EQ Boost ให้กำลังเพิ่มขึ้น 20 แรงม้า และแรงบิด 200 นิวตันเมตร ทำให้พละกำลังรวมทั้งระบบเป็น 200 แรงม้า และมีแรงบิด 440 นิวตันเมตร 

ในรุ่นปลั๊กอินไฮบริด C300e มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส M254 ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 129 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร พร้อมระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง

เมื่อทั้งสองระบบรวมกันแล้วจะมีกำลังที่ 313 แรงม้า และมีแรงบิดที่ 550 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 245 กม./ชม. อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.1 วินาที

แต่ในรุ่นเบนซินปลั๊กอินไฮบริด C300e ที่มีไฮไลท์ที่การเพิ่มความจุของแบตเตอรี่ขึ้นมาเกือบสองเท่าที่ขนาด 25.4 kWh เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีขนาด 13.5 kWh ทำให้สามารถขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้สูงสุดถึง 100 กม. เรียกได้ว่าขับรถไปกลับในเมืองนั้นแทบไม่ต้องเติมน้ำมันกันเลย

นอกจากนี้ ในโหมดอีวีสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 140 กม./ชม. และตัวรถยังสามารถระดับปรับหน่วงเพื่อปั่นไฟชาร์จให้แก่แบตเตอรี่ ให้ความรู้สึกคล้ายการขับขี่ด้วยคันเร่งแบบ one pedal

ระบบความปลอดภัย Active safety และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น

2022 C-Class จะได้ระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package และสามารถเลือกเป็น Driving Assistance Plus Package ที่เพิ่มเติมความปลอดภัยที่มากขึ้น โดยติดตั้งใน C-Class เป็นครั้งแรก ระบบความปลอดภัยที่มี ได้แก่

• ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า Active Distance Assist DISTRONIC,
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Speed Limit Assist
•  ระบบควบคุมความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่ง และขยับตามคันข้างหน้า Active Stop-and-Go Assist
• ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน Active Steering Assist
• ระบบเปลี่ยนเลนแบบแอกทีฟ Active Lane Changing Assist
• ระบบเตือนมุมอับสายตา Active Blind Spot Assist 
• ระบบสัญญาณเตือนด้านข้างช่วยป้องกันเพิ่มเติมเมื่อเกิดการชนปะทะด้านข้างโดยรถคันอื่น PRE-SAFE® PLUS.

ระบบเลี้ยวล้อหลัง

C-Class ใหม่มีฟังก์ชั่นเลี้ยวด้วยล้อคู่หลัง ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวลง 43 ซม.จนเหลือ 10.64 เมตร ล้อหลังสามารถเลี้ยวได้ 2.5 องศา ซึ่งอาจน้อยกว่า S-Class แต่ก็ทำให้ความคล่องตัวในเมืองเพิ่มขึ้นอีกระดับ

หากใครถูกใจรถรุ่นยอดนิยมจากค่ายดาวสามแฉกแล้วยังไม่มีเหตุผลมากพอที่จะซื้อ คุณสมบัติที่เป็นจุดเด่นทั้ง 5 อย่างนี้อาจทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นว่าจะซื้อรุ่นเดิม หรือจะเก็บเงินรอรุ่นใหม่

หากมีการเปิดตัว 2022 Mercedes-Benz C-Class ในประเทศไทยเมื่อไหร่ พวกเรา AutoFun Thailand จะนำมารายงานให้ชมกันในครั้งต่อไป

อ่านเพิ่มเติม : มาแล้ว 2022 Mercedes-Benz C-Class ใหม่ อัดแน่นเทคโนโลยีจนลืม BMW 3-Series