ชื่อเสียงของ Saab (ซาบ) ในประเทศไทย ในฐานะรถยนต์ยุโรปคุณภาพเยี่ยม ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ที่มีความโดดเด่น ช่วงล่างที่ไม่เป็นรองใคร และเคยครองใจผู้บริโภคระดับมีแฟนพันธุ์แท้ในประเทศไทย ทั้งที่มียอดจำหน่ายไม่มากนักในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา
แต่การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่ใช่แค่แต่ในประเทศไทยแต่ลามไปในตลาดโลก ทำให้แบรนด์ซาบนั้นหายไปจากตลาด รถยนต์รุ่นสุดท้ายที่ออกมาทำตลาดต้องย้อนกลับไป 6 ปีที่ผ่านมา และไม่อาจเรียกว่าเป็นการประสบความสำเร็จไปได้
ส่วนหนึ่งเพราะโครงสร้างของผู้บริหารอย่าง NEVS (National Electric Vehicle Sweden) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ถือครองทรัพย์สินของซาบนั้นไม่ได้มีสิทธิ์ขาดในการใช้งานโลโก้กริฟฟินอันลือชื่อ และพวกเขาเองก็มีแผนงานที่แตกต่างกันออกไปจากชื่อเสียงดั้งเดิม
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยทำให้แฟน ๆ ใจชื้นด้วยการประกาศปรับโรงงานผลิตรถยนต์ในสวีเดนให้หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีกำลังการผลิตถึง 1.5 แสนคันต่อปี ไม่รวมรถเชิงพาณิชย์อีก 1 แสนคัน แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรคืบหน้ามากมายนัก
ในปีที่ผ่านมา พวกเขาก็ไปเปิดตัวในตลาดประเทศจีน ด้วยการนำเสนอแบรนด์รถยนต์อย่าง Hengchi (เฮงจี) ในงานแสดงรถยนต์ที่เซี่ยงไฮ้ และก็เหมือนจะเงียบไปอีก จนกระทั่งมีผู้ที่มาพร้อมข้อเสนอใหม่ที่น่าสนใจ และอาจจะทำให้พวกเขากลับมาได้จริง ๆ
และผู้ร่วมทุนหน้าใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...
Xiaomi (เสียวมี่) อาจจะเป็นแบรนด์อุปกรณ์ไอทีในสายตาของคนไทย แต่ในตลาดโลกนนั้น พวกเขาถือเป็นหนึ่งในแบรนด์จากแดนมังกรที่ยืนหยัดในธุรกิจอย่างเข้มแข็ง และมีการไล่ซื้อกิจการที่น่าสนใจไปทั่วโลก และแน่นอนว่ากับ NEVS ครั้งนี้ก็เช่นกัน
มีรายงานข่าวว่า พวกเขานั้นเล็งการขยายธุรกิจตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในตลาดยุโรปที่มีความต้องการสูง และเริ่มมีแบรนด์รถจากจีนอย่าง NIO (นีโอ) เข้าไปเปิดตลาดแล้ว การเข้าซื้อกิจการบางส่วนของแบรนด์ท้องถิ่นจึงเป็นทางที่ดี
รายงานข่าวระบุว่าเสียวมี่นั้นต้องการเข้าซื้อหุ้นในส่วนของเอ็นอีวีเอสถึง 65% โดยเล็งไปที่สินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ทางผู้ถือหุ้นรายเดิมถือครองอยู่ ว่าจะนำมาต่อยอดในการพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นแผนงานหลักอีกอย่างในตลาดอนาคตได้หรือไม่
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซาบจะกลับมา
แน่นอนว่าการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ ทั่วโลกอยากเห็นก็คือการฟื้นคืนชีพแบรนด์รถยนต์ซาบกลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูจากการทำงานของ NEVS และเป้าหมายของ Xiaomi นั้น ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่โครงการดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ง่ายดายนัก
เพราะหลังจากไม่ประสบความสำเร็จกับรถซาบที่ไม่มีโลโก้กริฟฟินในช่วง 6 ปีก่อนหน้า เอ็นอีวีเอสไม่เคยทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ซาบออกมาให้เห็นอีกเลย แม้แต่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในประเทศจีน พวกเขาก็เลือกที่จะสร้างแบรนด์ท้องถิ่นขึ้นมา
ขณะที่เสี่ยวมี่นั้น แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีอะไรผูกพันธ์กับแบรนด์ดังในอดีตแม้แต่น้อย การลงทุนครั้งนี้ ก็คงไม่ได้เป็นการปลุกผีแบรนด์นี้ขึ้นมาอย่างค่อนข้างจะแน่นอน เพราะฉะนั้น บรรดาแฟน ๆ ของ Saab ก็คงต้องซึบซับประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรต่อไป
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });