เผยโฉม 2024 BMW X2 โมเดลเชนจ์ พร้อมกับ iX2 รุ่นไฟฟ้าล้วนเป็นครั้งแรก แสดงถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของค่ายใบพัดฟ้าขาวอย่างไม่หยุดหย่อนในไลน์อัพของตัวเอง และมีแผนที่จะเปิดตัวอีกทีอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคม 2024

X2 และ iX2 ใหม่ถูกดีไซน์ใหม่ทั้งหมดให้เข้ากับภาษาการออกแบบล่าสุดของ BMW ในรูปแบบที่ใหญ่ขึ้น เหลี่ยมสันมากขึ้น และใกล้เคียงความเป็น SAV (Sports Activity Coupe) มากยิ่งขึ้น

ภายนอกดีไซน์ใหม่ ไม่ใช่ครอสโอเวอร์แล้ว

ดีไซน์ด้านหน้าของ BMW X2 โดดเด่นด้วยไตคู่รูปทรง “เกือบหกเหลี่ยม” และยังมาพร้อมไฟส่องสว่างรองขอบกระจังหน้าเหมือนกับรุ่นที่สูงกว่าเป็นครั้งแรก ไฟหน้า LED เป็นมาตรฐาน และสามารถเพิ่มออพชั่นเป็น adaptive LED หรือ Matrix high-beam ได้ตามต้องการ

ด้านข้างเราจะเห็นว่ารูปทรงของรถถูกเปลี่ยนจากครอสโอเวอร์เอสยูวีมาเป็นเอสยูวีทรงคูเป้ท้ายลาดคล้ายกับรุ่นพี่อย่าง X6 แล้ว แต่ไฟท้าย LED ถูกดีไซน์ให้แตกต่างจากรุ่นพี่

ใหญ่กว่ารุ่นเดิม

เมื่อเทียบกับ X2 รุ่นเดิม (F39) จะพบว่า X2 ใหม่มีความสปอร์ต รวมถึงมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยมีระยะฐานล้อ 2,692 มม. ซึ่งมากกว่ารุ่นเดิมถึง 22 มม. มีความยาว 4,554 มม. ความกว้าง 1,845 มม. และความสูง 1,590 มม. ซึ่งพบว่ายาวกว่าเดิม 194 มม. กว้างกว่าเดิม 21 มม. และสูงกว่าเดิม 64 มม. เลยทีเดียว

ภายในคล้าย X1

ภายในของ X2 ใหม่จะคล้ายกับ X1 ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งประกอบด้วยหน้าจอโค้ง BMW Curved Display ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการล่าสุด BMW Operating System 9

ดีไซน์ภายในจะคล้ายกับ X1 อย่างมากที่คอนโซลกลางแบบลอยตัว พร้อมถาดวางโทรศัพท์มือถือที่สามารถเรืองแสงได้ โดยติดตั้งแท่นชาร์จไร้สายเอาไว้ด้วย เบาะนั่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้หนังวีแกน Veganza, หนัง Vernasca ไปจนถึงเบาะผ้าได้เลย

นอกจากนี้ เราสามารถเลือกออพชั่นเบาะแบบสปอร์ต รวมถึงเบาะปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ, ที่ดันหลัง และระบบนวด BMW ระบุว่ามีการปรับปรุงเรื่องเสียงรบกวนและการปกป้องการชนให้ดียิ่งขึ้น ประกอบด้วยถุงลมนิรภัยบริเวณระหว่างผู้โดยสารด้านหน้า

BMW ยืนยันว่า X2 และ iX2 จะมาพร้อมระบบปรับอากาศแยกอิสระ 2 โซน, ระบบนำทาง, พวงมาลัยหุ้มหนัง ฝาท้ายไฟฟ้า ช่องเสียบ USB-C 4 ตำแหน่งเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น

ในบางประเทศจะมาพร้อมระบบอุ่นที่พวงมาลัย ระบบเสียง Harman Kardon premium sound system รวมถึงชุดแต่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังมีออพชั่นพานอรามิคซันรูฟที่ “มีพื้นผิวกระจกสีเข้มทอดยาวไปจนถึงกระจกหน้ารถและโครงหลังคาทั้งสองด้าน และย้อนกลับไปทางยาวในส่วนเดียวไปจนถึงส่วนด้านหลังของหลังคา” และยังมีอุปกรณ์เสริมอย่างชุดพ่วงแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เลือกซื้อกันด้วย

มีหลายรุ่นให้เลือกตามต้องการ

ในเบื้องต้น ผู้ที่ต้องการซื้อรถคันนี้สามารถเลือกได้ระหว่าง iX2 xDrive30, X2 M35i xDrive M Performance รวมถึง X2 sDrive18d และ X2 sDrive20i

สำหรับ X2 sDrive20i มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตรเทอร์โบ ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีไมลด์ไฮบริด 48V ให้กำลังรวมสูงสุด 167 แรงม้า ส่วน X2 sDrive18d จะมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า ซึ่งเคลมว่า “ได้รับการอัพเกรดครั้งใหญ่” ให้มีความประหยัดมากยิ่งขึ้น

โดยทั้งสองรุ่นนี้จะมาเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด dual-clutch Steptronic และระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น 

X2 M35i xDrive M Performance ตัวแรง

ในรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง X2 M35i xDrive M Performance จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 2.0 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 296 แรงม้าในสเปคยุโรป และ 312 แรงม้าในตลาดประเทศอื่น 

BMW เคลมว่า X2 M35i มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.4 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ตัวรถยังได้รับการปรับจูนแชสซีเป็นพิเศษสำหรับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และช่วงล่าง adaptive M suspension ยัง “เพิ่มความคล่องตัวและความสบายในการขับขี่ระยะไกล”

สิ่งที่น่าสนใจคือการตกแต่งด้วยพาร์ท M Performance รอบคัน ทั้งกระจกแบบ M กระจังหน้าไตคู่เรืองแสง สปลิตเตอร์หน้าและสปอยเลอร์หลัง รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้วลายพิเศษและท่อไอเสีย 4 รู

เรายังสามารถเพิ่มออพชั่นเบรค M Compound brakes เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหยุดรถ ภายในจะเพิ่มการตกแต่งแบบ M เข้ามา เช่น พวงมาลัยที่ดูสปอร์ตมากขึ้น การตกแต่งภายในด้วยหนัง Alcantara รวมถึงออพชั่นเบาะ M Sport พร้อมโลโก้ M เรืองแสงก็มีให้เลือกด้วย

BMW iX2 รุ่นไฟฟ้าล้วนครั้งแรก

ในเบื้องต้น iX2 จะเริ่มจำหน่ายด้วยรุ่น xDrive30 โดยจะมีรุ่นต่อไปในช่วงปี 2024 มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวด้านหน้าและมอเตอร์อีกตัวที่ด้านหลัง ให้กำลังรวมสูงสุด 308 แรงม้า แรงบิด 494 นิวตันเมตร เคลม 0-100 กม./ชม. ได้เพียง 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

ทั้งหมดนี้ได้แหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 64.8 kWh โดยบีเอ็มดับเบิลยูกล่าวว่าสามารถวิ่งได้ไกลสุด 417-449 กม. ในมาตรฐาน WLTP ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือโหมดการฟื้นฟูพลังงานแบบปรับได้ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Regenerative Braking ซึ่งเป็นระบบหน่วงมอเตอร์เพื่อปั่นไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ พร้อมระบบ Max Range ที่จะปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมเพื่อให้เราขับไปได้ไกลที่สุด

สำหรับการชาร์จ รถคันนี้รองรับการชาร์จ DC ที่ความเร็วสูงสุด 130 kW และชาร์จจาก 10-80% ได้เร็วที่สุดภายใน 29 นาที ส่วนการชาร์จ AC ที่ 11 kW จะสามารถชาร์จ 0-100% ได้ภายในเวลา 6 ชั่วโมงครึ่ง และสามารถเพิ่มออพชั่นการรองรับ AC 22 kW ไฟสามเฟส ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ภายใน 3 ชั่วโมง 45 นาทีเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมี Max Performance Charging software ซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จโดยให้อัตราพลังงานสูงสุดที่เป็นไปได้เข้าถึงแบตเตอรี่ทันทีเมื่อเริ่มชาร์จ

เทคโนโลยีที่เพิ่มจากรุ่นก่อนอย่างก้าวกระโดด

เทคโนโลยีของ X2 ใหม่ถือว่ามีการปรับปรุงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากอายุตลาดของรุ่นก่อนที่ยาวนาน

ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ประกอบด้วย ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบควบคุมความเร็วพร้อมช่วยเบรค, ข้อมูลการจำกัดความเร็วและระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมดึงกลับ และยังมีระบบช่วยจอด Parking Assistant package ของ BMW มาให้เป็นอุปกร์มาตรฐาน ที่ประกอบด้วยกล้องมองหลังและเซนเซอร์ด้านหลัง

ระบบความปลอดภัยที่มีให้เลือกเพิ่มเติม ได้แก่ ระบบช่วยบังคับเลี้ยวและช่วยให้อยู่ในเลน ซึ่งทำหน้าที่กึ่งอัตโนมัติพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น stop-and-go และระบบควบคุมให้อยู่กลางเลน

นอกจากนี้ยังมี Active Navigation, exit warning, head-up display, กล้อง 360 พร้อมมุมมอง 3 มิติ, BMW Drive Recorder และ Remote Theft Recorder ซึ่งเป็นกล้องที่ตรวจจับสถาการณ์ต่าง ๆ ภายในรถ

X2 และ iX2 ใหม่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 ซึ่งมีพื้นฐานจาก Android แสดงผลด้วยหน้าจอโค้ง BMW Curved Display ยังสามารถอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ over-the-air ได้อีกด้วย

สิ่งที่น่าสนใจคือการเข้าถึง BMW ConnectedDrive Store รวมถึงการเข้าถึงบริการออนไลน์ที่ใช้ระบบสมัครสมาชิก BMW Digital Premium ที่ทำให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เพลงและวิดีโอบนสตรีมมิ่ง รวมถึงเกมและบริการสมัครสมาชิกต่าง ๆ

นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่น Augmented View ที่ใช้ร่วมกับระบบนำทาง BMW Maps navigation system และยังรองรับการใช้งาน eSIM พร้อมเครือข่าย 5G ที่จะทำให้ใช้ BMW Digital Key Plus และ BMW ID รวมถึงรองรับ Apple CarPlay ไร้สายและ Android Auto เป็นมาตรฐาน

เจอคันจริงกันต้นปีหน้า

2024 BMW X2 และ iX2 โมเดลเชนจ์จะเปิดตัวอีกทีอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคม 2024 หากมีข่าวคราวเพิ่มเติมกับรถคันนี้เราจะนำมารายงานให้ทราบกัน

อ่านเพิ่มเติม: BMW X1 รุ่นใหม่ปลอดภัยผิดคาด จากเดิมที่ชนคนเละเทะ ถูกปรับปรุงให้หยุดได้อัตโนมัติ