หลายครั้งเรามักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla (เทสล่า) จากกรณีข่าวการชนที่พบเห็นได้บ่อย แต่คนขับก็จะรอดทุกครั้ง
ล่าสุดทาง Tesla ได้จับ Tesla Model Y (เทสล่า โมเดล วาย) มาทดสอบการชนกับรถกระบะเพื่อแสดงให้เห็นว่าปลอดภัยแค่ไหน
หลายครั้งเรามักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla (เทสล่า) จากกรณีข่าวการชนที่พบเห็นได้บ่อย แต่คนขับก็จะรอดทุกครั้ง
ล่าสุดทาง Tesla ได้จับ Tesla Model Y (เทสล่า โมเดล วาย) มาทดสอบการชนกับรถกระบะเพื่อแสดงให้เห็นว่าปลอดภัยแค่ไหน
เทสล่า ได้ทำการปล่อยวิดีโอผ่านยูทูป จากการทดสอบใน Tesla Crash Lab ที่จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากยานพาหนะหลายล้านคัน จำลองสถานการณ์ และทดสอบการชนเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
โดยในวิดีโอนี้แสดงให้เห็นในกรณีที่รถถูกชนจากด้านหน้า โดยใช้รถกระบะชน Tesla Model Y จากด้านข้าง
Tesla จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับรถ ทั้งความเร็ว ตำแหน่งพวงมาลัย ถุงลมนิรภัย การใช้เข็มขัดนิรภัย และสามารถค้นหาจุดที่ต้องปรับปรุงเพื่อทำให้รถยนต์ปลอดภัยยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังสามารถค้นพบประเภทการชนที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งอาจไม่ใช่การชนที่เกิดขึ้นจากการทดสอบในแล็ปเพียงอย่างเดียว
เทสล่าอธิบายว่า การมีข้อมูลเหล่านี้จะทำให้รถสามารถรับรู้การชนได้ภายใน 10 มิลลิวินาที และทำให้ถุงลมนิรภัย/เข็มขัดนิรภัย ทำงานได้ทันเวลา
ซึ่งจากผลการทดลองก็ออกมาได้อย่างน่าพอใจ รถยนต์สามารถปล่อยถุงลมออกมาได้ทันเวลาก่อนที่ศรีษะของผู้โดยสารจะชนกับประตูรถ
ทำให้ไม่เกิดความเสียหายทางศรีษะ
อันที่จริงหากไม่นับระบบความปลอดภัย หรือระบบ Autopilot ของตัวรถแล้ว Tesla ถือเป็นรถยนต์ที่ปลอดภัยมาก คันหนึ่ง เนื่องจากได้รับคะแนน 5 ดาวจาก NHTSA รวมถึงใน Tesla Model 3 (เทสล่า โมเดล 3) เนื่องจากใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน
Model 3 และ Model Y ส่วนใหญ่ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มเดียวกัน และเป็นพื้นฐานสำหรับความปลอดภัยของรถทั้งสองคัน เพื่อรองรับน้ำหนักและพื้นที่ห้องโดยสารที่ใหญ่ขึ้นในฐานะ SUV โครงสร้างตัวถังของ Model Y ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งมากกว่า Model 3
ในกรณีที่เกิดการชนกัน Model Y ได้รับการออกแบบมาเพื่อกระจายแรงปะทะรอบ ๆ ห้องโดยสาร และให้ออกห่างจากผู้โดยสาร ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้อย่างมาก
จากการทดสอบ Tesla Model Y มีโอกาสเพียง 7.9% ในการพลิกคว่ำ เพราะมีจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ต่ำ จากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ท้องรถ
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีดอกาสที่รถยนต์ไฟฟ้านั้นจะเกิดแบตเตอรี่ลุกไหม้ได้ เนื่องจากเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนอาจได้รับความเสียหายเมื่อเกิดการชนปะทะ ทำให้เกิดความร้อนที่แพร่กระจายไปสู่เซลล์อื่น ๆ ในตัวแบตเตอรี่ ปรากฎการณ์ลูกโซ่ดังกล่าวเรียกว่า “ความร้อนพุ่งทะยานสูงสุด” หรือ “thermal runaway” ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วยากจะควบคุมได้ ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่จะดับไฟได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
อ่านเพิ่มเติม เผยสาเหตุรถยนต์ไฟฟ้าอาจยังไฟลุกพรึบได้แม้ผ่านอุบัติเหตุมาแล้วหลายวัน
ขายรถเก่า-ซื้อคันใหม่ ไม่ยุ่งยาก ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
2023 Tesla Model 3 Rear Wheel Drive
แลก
เพิ่มรถของคุณ