MV Agusta Superveloce Alpine เปิดตัวในยุโรปด้วยราคา 36,300 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,326,000 บาท
MV Agusta Superveloce Alpine เป็นการนำเอาโมเดลของรุ่น Superveloce ของทาง MV Agusta มาอัพเกรดใหม่ด้วยสีลิมิเต็ดอิดิชั่น ซึ่งมีหลายคนมองว่ามันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เน้นดีไซน์มากกว่าที่จะเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ซึ่งเราก็มองว่ามันเป็นแบนั้นจริงๆ
การร่วมมือกันระหว่าง 2 ค่ายยานยนต์ระดับโลก
โดยตัวรถมาพร้อมโทนสีฟ้า และสีขาวตามคอนเซ็ปต์รถสปอร์ตอย่าง Alpine A110 สัญชาติฝรั่งเศส และรหัส A110 นี่เองที่เป็นที่มาว่าทำไมถึงต้องผลิตเพียง 110 คันเท่านั้น
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685705349363-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705349363-0'); });
โดย MV Agusta Superveloce Alpine มาพร้อมชิ้นส่วนที่เป็นงานคาร์บอนไฟเบอร์อยู่หลายจุดไม่ว่าจะเป็น บังโคลน , ท่ออากาศ , แฟริ่ง , การ์ดโซ่ และอื่นๆ อีกหลายชิ้น แต่โดยรวมแล้วนี่ถือเป็น MV Agusta ที่เรามองว่ามันสวยสุดๆ เลย
วัสดุสุดพรีเมี่ยม
นอกจากนี้ความพิเศษของ MV Agusta Superveloce Alpine ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะเบาะนั่งของรถคันนี้ถูกหุ้มด้วยวัสดุเกรดพรีเมี่ยมที่ใช้ในแบรนด์รถยนต์หรูอย่าง Alcantara(หนังสังเคราะห์) ที่ช่วยในเรื่องของความหนืด และระบายความร้อนได้ดี พร้อมเดินด้ายสีน้ำเงินไว้อย่างสวยงาม
ไม่ได้สวยแค่รูป แต่ขุมพลังมาเต็ม
MV Agusta Superveloce Alpine ยังคงเลือกใช้ขุมพลัง 3 สูบเรียงสุดคลาสสิคขนาด 798 ซี.ซี. ให้กำลังสุงสุดที่ 147 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 88 นิวตันเมตร
ซึ่งหากคุณคิดว่ายังไม่พอมือ MV Agusta ยังมีชุด Racing Kit ซึ่งปรับค่า ECU ของรถใหม่ และหากคุณเลือกใช้ชุดท่อไอเสียทรงโหดจาก Arrow เพื่อเพิ่มกำลังเป็น 153 แรงม้าด้วยแล้วหล่ะก็รถคันนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 240 กม./ชม.
ของดีทั้งนั้นที่ให้มา
Superveloce Alpine ใช้สวิงอาร์มหลังอลูมิเนียม ที่มาพร้อมระบบเบรกหน้าจาก Brembo พร้อมยาง Pirelli Diablo Rosso Corsa II รวมทั้งมีจอแสดงข้อมูลดิจิตอลขนาด 5 นิ้ว
เทคโนโลยีจัดเต็ม
และยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น Continental IMU ตัวล่าสุดสำหรับระบบ Cornering ABS และ EShock IMU สำหรับระบบควบคุมล้อหลังหมุนฟรี ซึ่งเรียกได้ว่ารถคันนี้ไม่ได้มีดีแค่สวยอย่างเดียวเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะทางด้านสมรรถนะ หรือเทคโนโลยีที่ให้มา ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลยทีเดียว
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685705336887-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705336887-0'); });