Honda Wave 110i & Yamaha Finn จะเสียเงินให้คันไหนดี ?
สำหรับตลาดรถครอบครัวในประเทศไทยเราต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่า Honda Wave คือผู้นำรถตลาดกลุ่มนี้มาอย่างยาวนาน จนกระทั่งทางค่ายส้อมเสียงได้ส่ง Yamaha Finn เข้ามาต่อกร ซึ่งแน่นอนว่านั่นทำให้เกิดการเปรียบเทียบของผู้ที่จะซื้อรถ ว่าควรจะซื้อค่ายไหนถึงจะคุ้มค่า คุ้มราคาที่สุด วันนี้ทาง AutoFun Thailand ก็เลยจับเอารถทั้งสองค่ายมาเปรียบเทียบให้เห็นกันแบบจุดต่อจุดไปเลย เพื่อผู้บริโภคจะตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
เรื่องแรกเรื่องใหญ่ ราคา ?
ราคา 45,200 บาท |
|
ราคา 47,000 บาท |
รถมอเตอร์ไซค์ราคาไม่เกิน 50,000 บาท รุ่นอื่น ๆ คลิ๊ก
เปรียบเทียบกันหมัดต่อหมัด
สำหรับดีไซน์ภายนอกทั้ง 2 ค่ายเน้นออกแบบตัวรถให้มีความสปอร์ตด้วยชุดสีลายกราฟฟิกแบบทูโทน แต่ทางฮอนด้าจะมีสีให้เลือกมากถึง 9 สี ส่วนฟินน์มี 6 สี แต่ทางฟินน์แก้เกมส์กลับมาด้วยการใส่เบาะนั่งแบบทูโทนมาให้ด้วย เราจึงถือว่าเสมอกัน
อีกหนึ่งจุดภายนอกที่แตกต่างก็คือไฟหน้าที่ทางฮอนด้าให้มาเป็นหลอดแบบ LED ในขณะที่ทางฟินน์ยังคงเป็นหลอดไส้ หมัดนี้จึงทำให้ทางฮอนด้าชนะไปเห็น ๆ
ในส่วนของเรือนไมล์เหมือนกันแต่เรามองว่าทางฝั่งฮอนด้าออกแบบมาได้สวยงามกว่า อันนี้คงต้องแล้วแต่คนชอบ
พื้นที่เก็บสัมภาระอันนี้ถือว่าสำคัญเลยสำหรับรถจ่ายตลาดเมืองไทย ซึ่งในเรื่องนี้ฟินน์ชนะขาดเพราะมาพร้อมช่องเก็บของใต้เบาะขนาด 9.7 ลิตร แถมยังมีช่องเก็บของที่ด้านหน้าให้ใส่โทรศัพท์มือถือ หรือขวดน้ำได้อีก ในขณะที่ทางฮอนด้ามีแค่ช่องเก็บของใต้เบาะขนาด 7.4 ลิตร
ระบบเบรกมาพร้อมดิสก์เบรกหน้า และดรัมเบรกหลังที่เหมือนกัน แต่ฝั่งยามาฮ่ามาเหนือด้วย UBS ระบบกระจายแรงเบรกเมื่อใช้เบรกเท้า
เครื่องยนต์ทางยามาฮ่าใหญ่กว่าที่พิกัด 115 ซี.ซี. ขณะที่ทางฮอนด้ามาพร้อมเครื่องยนต์ 110 ซี.ซี. ทำให้ยามาฮ่าได้เปรียบในเรื่องของแรงบิด และกำลังช่วงปลายที่ไหลได้มากกว่า แถมเครื่องยนต์ของทางยามาฮ่ายังรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
สุดท้ายมิติของรถนั้นฟินมีความใหญ่กว่า สูงกว่าทางฮอนด้าทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะความสูงใต้ท้อง ความสูงของตัวเบาะ รวมไปถึงความยาวของตัวรถที่มากกว่า แต่ทางฮอนด้ามีช่วงรถที่สั้นกว่า เตี้ยกว่า เหมาะกับการมุดใช้งานในเมืองหรือทางแคบ ๆ ซึ่งตรงจุดนี้ผมมองว่าแล้วแต่สรีระของตัวผู้ขี่มากกว่า ว่าจะเหมาะกับมิติรถของคันไหน
สรุปควรซื้อคันไหน
อันนี้ให้ฟันธงไปเลยคงจะยากเพราะทั้ง 2 ค่ายก็มีดีกันคนละแบบ เอาเป็นว่าลองเอาข้อเปรียบเทียบด้านบนไปพิจารณากันดูครับว่าเราเหมาะกับรถคันไหน รูปแบบการใช้งานของเราในชีวิตประจำวันเป็นแบบไหน และที่สำคัญก็คือลองไปนั่ง ไปชมตัวจริง ไปลองขับขี่ทดสอบดูก่อนจะดีที่สุดครับ เพราะสิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็นครับ ขอบคุณครับ