ตำแหน่งอยู่ไม่นาน แต่ตำนานจะอยู่ตลอดไป ประโยคนี้คงใช้อธิบายบุคคลผู้เป็นตำนานแห่งโลกแห่งความเร็วอย่าง Valentino Rossi (วาเลนตีโน รอสซี) เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลก Wold Grand Prix 9 สมัย ได้เป็นอย่างดี
สำหรับผู้ที่เป็นสายความเร็ว หรือไบค์เกอร์หลาย ๆ คนคงจะรู้จักกับ Valentino Rossi กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วไม่มากก็น้อย แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้ยินชื่อของ Rossi หรือไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าเขาเป็นใคร และทำไมผู้คนในโลกความเร็ว หรือสายรถมอเตอร์ไซค์จึงต่างพากันยกย่องบุคคลผู้นี้ วันนี้ทาง AutoFun Thailand จะพาทุกคนไปรู้จักถึงประวัติความยิ่งใหญ่ของบุคคลอันเป็นตำนานผู้นี้กัน
Valentino Rossi (วาเลนตีโน รอสซี) หรือ Rossi ที่หลายคนเรียกกันเขาเกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ส.1979 ที่แคว้นตาวุลเลีย เมืองอูร์บีโน ประเทศอิตาลี โดย Rossi เป็นลูกชายของ Graziano Rossi(กราเซียโน รอสซี) อดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้หมายเลข 46 ซึ่งนี่เองเป็นที่มาของหมายเลข 46 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำตัวของ Rossi นั่นเอง
โดย Valentino Rossi นั้นได้รับฉายาในวงการว่า “เดอะด็อกเตอร์” หรือ “พ่อหมอ” ที่คนไทยส่วนใหญ่เรียกกันจนติดปากนั่นเอง โดยฉายาดังกล่าวที่ว่านี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำเรียกลอย ๆ เพราะความเป็นอัจฉริยะในเรื่องของความเร็วในตัว Rossi นั้นได้ฉายแววมาตั้งแต่เด็กเมื่อเขามีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น
ซึ่งเมื่ออายุ 17 ปี Rossi ได้ลงแข่งขันในรายการ World Grand Prix กับทาง Aprilia หรือเกมชิงแชมป์โลกในรุ่น WGP 125 โดยในปีแรกลงแข่งขัน 15 สนามได้คะแนนสะสม 111 คะแนนรั้งอันดับ 9 ของโลก ซึ่งเขาสามารถขึ้นโพเดี้ยมได้ถึง 2 ครั้งด้วยกัน และต่อมาในปี 1997 Rossi ก็สามารถแผลงฤทธิ์ได้สำเร็จด้วยรถ Aprilia RS125 ด้วยการคว้าแชมป์โลกในรุ่น WGP125 มาครองกับชัยชนะอันดับ 1 ถึง 11 สนามพร้อมคะแนนสะสมรวม 321 คะแนน
ต่อมาในปี 1998 ทาง Rossi ได้ขยับขึ้นไปแข่งในรุ่น WGP250 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใหญ่ขึ้น ก็สามารถแสดงความอัจฉริยะด้วยการคว้าอันดับที่ 2 ในแต้มสะสมระดับโลกมาครอง และในปี 1999 ก็สามารถคว้าแชมป์โลกในรุ่น WGP250 มาครองได้สำเร็จด้วยชัยชนะ 9 ครั้ง และขึ้นโพเดี้ยมรวม 12 ครั้งจาก 16 สนามมีคะแนนสะสมรวม 309 คะแนน
หลังจากที่ Rossi สามารถคว้าแชมป์โลกในรุ่น WGP250 ได้ก็ได้ขยับตัวเองขึ้นมาขี่ในรุ่นพรีเมี่ยมคลาสซึ่งในสมัยนั้นในปี 2000-2001 ยังคงใช้เป็นรุ่น WGP500 ซึ่งทางตัว Rossi เองก็สามารถคว้าแชมป์ในรุ่น 500 ซี.ซี. มาครองได้ในปี 2001 ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ Honda NSR500
และต่อมาในปี 2002 เกมในพรีเมียมคลาสได้เปลี่ยนจากรถมอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะ 500 ซี.ซี. เปลี่ยนมาเป็นรถมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะขนาด 990 ซี.ซี. แทน ซึ่งสำหรับการปรับเปลี่ยนในรุ่นพรีเมียมคลาสนี่เองทำให้ Rossi สามารถสร้างตำนานสุดยิ่งใหญ่ของตัวเองได้ด้วยการครองแชมป์โลกติดต่อกันได้ถึง 4 ปีซ้อนตั้งแต่ปี 2002-2005
โดยในปี 2004 ทาง Rossi ได้ตัดสินใจย้ายทีมมาอยู่กับ Yamaha และมีรถแข่งคู่กายเป็นรถอย่าง Yamaha YZR-M1 โดยในปีแรกกับรถแข่งคันใหม่ Rossi ก็สามารถคว้าตำแหน่งแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จด้วยการขึ้นโพเดี้ยมได้มากถึง 11 ครั้ง โดยเป็นผู้ชนะถึง 9 ครั้งพร้อมโกยคะแนนสะสมแชมป์โลกไว้ที่ 304 คะแนน
ต่อมาในปี 2005 ฉายา “เดอะด็อกเตอร์” ก็ได้ฉายแววอย่างต่อเนื่องด้วยการคว้าตำแหน่งแชมป์โลกในปี 2005 มาครองได้สำเร็จอีก 1 สมัย และต่อมาในปี 2006 และ 2007 แม้ Rossi จะไม่ได้แชมป์โลก แต่ก็ติดอันดับการคว้าตำแหน่งในอันดับที่ 2 และ 3 ก่อนที่จะกลับมาผงาดสู่ความเป็นแชมป์โลกอีกครั้งในปี 2008 และ 2009 ด้วยการคว้าแชมป์โลกติดต่อกัน และยังกลายเป็นเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลก 9 สมัยอีกด้วย
และต่อมาในปี 2010 ทั่วโลกต่างต้องอึ้งเมื่อทางตัวพ่อหมอได้ประกาศย้ายทีมไปอยู่กับทีมจากประเทศบ้านเกิดภายใต้สังกัดของ Ducati แต่ผลปรากฏว่าหลังจากย้ายทีมไปในฤดูกาล 2011 - 2012 ผลปรากฏว่า Rossi ไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยแม้ในสนามเดียว
จนในที่สุดในปี 2013 Valentino Rossi ก็ได้กลับมาบ้านเก่าอย่าง Yamaha อีกครั้ง พร้อมกับการขึ้นโพเดี้ยมได้ถึง 6 ครั้งและเป็นการคว้าชัยชนะมาครองได้ 1 ครั้งมีคะแนนสะสมรั้งอันดับที่ 4 ของโลก และในปี 2014 และปี 2015 Rossi ก็กลับมาทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ด้วยการคว้าอันดับที่ 2 ในคะแนนสะสมแชมป์โลก MotoGP มาครองพร้อมทั้งยังเป็นการปลุกกระแสฟีเวอร์ Rossi หวนกลับมาอีกครั้ง
และในปีนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง Valentino Rossi ก็ได้ออกมาแถลงข่าวให้แฟน ๆ ได้ช็อคกันไปตาม ๆ กันเมื่อเจ้าตัวได้ออกมาพูดว่าฤดูกาลในปี 2021 นี้จะทำการแข่งขันเป็นปีสุดท้ายแล้ว ก่อนที่จะอำลาวงการ MotoGP ซึ่งก่อนที่ Rossi จะอำลาวงการนี้เขาได้สร้างประวัติความยิ่งใหญ่ของตัวเองเอาไว้มากมายให้เกิดขึ้นกับวงการมอเตอร์สปอร์ตที่มากกว่า 20 ปี
โดย Valentino Rossi ได้จารึกสถิติของตนเองลงในรายการแข่งขันอย่าง World Grand Prix ไว้อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นการลงแข่งขันในรายการนี้มาแล้วกว่า 374 ครั้ง (นับจากปี1996-2015) การมีคะแนนสะสมรวมกันทั้งสิ้น 5,418 คะแนน เป็นการขึ้น โพเดี้ยมรวมทั้งหมด 211 ครั้ง โดยแบ่งเป็นรุ่น 125 ซี.ซี. 15 ครั้ง รุ่น 250 ซี.ซี. 21 ครั้ง
รุ่นพรีเมียร์คลาส (500/MotoGP) 175 ครั้ง และถ้านับการครองชัยชนะอันดับที่ 1 Rossi สามารถคว้าชัยชนะได้มากถึง 112 ครั้ง โดยเป็นรุ่น 125 ซี.ซี. 12 ครั้ง รุ่น 250 ซี.ซี. 14 ครั้ง และรุ่นพรีเมียร์คลาสอีก 86 ครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงเหตุการณ์สำคัญเพียงส่วนหนึ่งของผู้ชายที่เปรียบดั่งตำนานแห่งโลกของความเร็ว MotoGP เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นของความสำเร็จของเขา
ซึ่งหลังจากนี้เราคงต้องมารอดูกันต่อไปว่าตำนานที่ยังมีลมหายใจอย่าง Valentino Rossi จะทำอะไรต่อไปในโลกของกีฬาความเร็วอย่าง MotoGP ซึ่งเราเชื่อว่าเขาจะไม่หายไปไหนอย่างแน่นอน เพียงแต่เขาจะไปนั่งอยู่ตรงจุดไหน และตำแหน่งอะไรต่อไปแค่นั้นเอง