งานนี้แฟน Sic ได้กรี๊ดอย่างแน่นอนเมื่อทาง Alice Filippi ผู้ช่วยผู้กำกับชื่อดังจากภาพยนตร์อย่าง Spectre (เจมส์ บอนด์) และ Inferno (ซีรีส์ Da Vinci Code) รวมไปถึง Out of My League ในปี 2020 จะนั่งแท่นเป็นผู้กำกับให้กับภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้
ส่วนหากใครที่กำลังงงว่า Sic คืออะไร แล้ว Marco Simoncelli คือใครเราจะขอเล่าประวัติของตำนานผู้ล่วงลับคนนี้ให้เข้าใจกันพอสังเขป
โดย Marco Simoncelli หรือที่ทุกคนมักเรียกสั้น ๆ ว่า The Sic เขาคือนักแข่งชาวอิตาลีผู้มาพร้อมทรงผมหัวฟูฟ่องอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมด้วยหมายเลข 58 บนรถแข่งคู่ใจ ซึ่งเขาคือตำแหน่งเจ้าของแชมป์โลกในรุ่น 250 ซี.ซี. เมื่อปี 2008 หลังจากคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ Marco Simoncelli ก็ได้ผลักดันตัวเองไปสู่ระดับ MotoGP ในปี 2010
และด้วยผลงานการขับขี่ และท่วงท่าอันโดดเด่นของ The Sic ทำให้ตัวเขาถูกจับตามองในฐานะดาวรุ่งแห่งวงการในทันที เพราะการเข้ามาสู่โลก MotoGP ในปีแรกเขาสามารถเก็บแต้มไปได้ถึง 125 คะแนนเป็นที่ 8 ในตารางคะแนนอันดับโลก
และต่อมาในปี 2011 เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นในสนามที่ 17 ประเทศมาเลเซีย ซึ่งก็คือสนามที่ Marco Simoncelli เคยคว้าแชมป์โลกในรุ่น 250 ซี.ซี. เมื่อปี 2008 นั่นเอง โดย The Sic ได้ทำการขับขี่ในสไตล์ที่ดุดันเช่นเดิม เขาไล่แซงรถแข่งของคู่แข่งทีละคัน จนขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 5
ซึ่งในจังหวะนั้นเองที่เขาพยายามจะแซง Alvaro Buatista แต่ก็เกิดพลาดตัวรถเสียการควบคุมในทางโค้ง ซึ่งทำให้ตัวรถของ Marco Simoncelli ลื่นไถลออกไปกลางแทร็คของสนาม และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทางพ่อหมอ Valentino Rossi และ Colin Edward ที่กำลังไล่ขึ้นมาด้วยความเร็วสูง
จึงทำให้รถของ Marco Simoncelli เข้าชนกับรถของทาง Colin Edward และทำให้หมวกกันน็อคของเจ้าตัวหลุดออกจากศีรษะ ก่อนที่จะโดนรถของทาง Valentino Rossi ชนเข้าไปอีกเต็ม ๆ จนทำให้ร่างของ Marco Simoncelli แน่นิ่งไม่ไหวติงนอนอยู่กลางพื้นแทร็คของสนาม
ก่อนที่ The Sic จะเสียชีวิตในเวลาต่อมาเพราะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสบริเวณส่วนหัว ส่วนคอ และหน้าอก ในวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณอยากรู้ถึงประวัติ และตำนานของ The Sic อย่างละเอียดคุณจะสามารถรับชมได้จากสารคดีของ Alice Filippi อย่างแน่นอน
เพราะเขาได้รวบรวมบทสัมภาษณ์ คำให้การ รวมไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมายของ Marco Simoncelliที่ไม่ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้รับความร่วมมือจากครอบครัว Simoncelli รวมไปถึงแฟนสาวของเขาด้วย
ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้จะต้องถ่ายทอดมุมมองของ “Sic #58” Marco Simoncelliออกมาได้ดี และครบถ้วนอย่างแน่นอน และมันจะทำให้เราได้รู้จักผู้ชายอันทรงเสน่ห์แห่งโลก MotoGp คนนี้ที่มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน