Telo บริษัทสตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ในแคลิฟอร์เนีย กำลังเริ่มต้นในแนวคิดของรถกระบะขึ้น โดยกระบะไฟฟ้าคันนี้จะออกแบบให้มีขนาดที่พอ ๆ กับ Mini Cooper SE แต่จะให้ประโยชน์ที่เทียบเท่ากับรถกระบะทั่วไป
และ Telo เคลมว่า MT1 จะกลายเป็นกระบะไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกที่ราคาราว 50,000 ดอลล่าร์เท่านั้น
- Telo เกิดขึ้นได้อย่างไร
- ดีไซน์ที่เน้นกะทัดรัดและประโยชน์ใช้สอยสูงสุด
- กำลังรถเหลือเฟือ แต่ระวังเรื่องน้ำหนักบรรทุก
- ผลิตเมื่อไหร่ จำนวนกี่คัน
Telo เกิดขึ้นได้อย่างไร
Jason Marks ซีอีโอของบริษัทนี้ มีประสบการณ์เป็นผู้เชี่ยวชาญในการทดสอบระบบช่วยเหลือการขับขี่หรือ ADAS ในอุตสาหกรรมยานยนต์มาหลายปี เขาได้ก่อตั้งบริษัทนี้ร่วมกับ Forrest North ที่ดำรงตำแหน่งซีทีโอ มีประสบการณ์เคยอยู่ในทีมของ Tesla ที่พัฒนา Roadster และตั้งบริษัทนี้ในซิลิกอนวัลเลย์
โดย Marks ถือสิทธิบัตรในเซนเซอร์ LiDAR ในขณะที่ North มีสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและการชาร์จ รวม 15 ฉบับ
เพื่อให้แนวคิดของพวกเขาบรรลุผล ผู้ก่อตั้งทั้งสองก็ได้แต่งตั้ง Yves Behar ให้เป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบและที่ปรึกษาของ Telo โดยประวัติของ Behar นั้นเคยเป็นดีไซน์เนอร์ให้กับแบรนด์อย่าง Samsung, L’Oreal, Puma, และ Prada
ดีไซน์กะทัดรัด เน้นประโยชน์ใช้สอยสูงสุด
ดูเหมือนว่าความต้องการของบริษัทคือการใช้ประโยชน์จากแชสซีแบบสเกตบอร์ต การกำจัดพื้นที่ส่วนเกิน และเพิ่มประโยชน์ใช้สอยสูงสุด
ตัวถังส่วนใหญ่ของรถพร้อมกับส่วนประกอบของแชสซีบางส่วนที่สร้างจากพลาสติกเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) ซึ่งมีรายงานว่ามีต้นทุนที่ย่อมเยากว่าเมื่อเทียบกับไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ตอนนี้มีเพียงภาพเรนเดอร์ที่แสดงให้เห็นว่ากระบะไฟฟ้าคันนี้จะมีความกะทัดรัด โดยมีความยาวเพียง 3,860 มม. เท่ากันกับ Mini Cooper SE มีความกว้าง 1,854 มม. และสูง 1,676 มม. ซึ่งมีขนาดโดยรวมที่พอ ๆ กับ Audi Q4 E-Tron
กระบะไฟฟ้าคันนี้ไม่เหมือนกับกระบะทั่วไปตรงที่จะไม่มีด้านหน้าที่ยาว เนื่องจากระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ให้เครื่องยนต์ แต่จะมีด้านหน้าแบบตั้งพร้อมแผ่นกันกระแทกและกระจกบังลมหน้าแบบตั้งเหมือนรถตู้มาให้เลย
อ่านเพิ่มเติม: ภาพสเก็ตช์กระบะไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ GM หรือนี่จะเป็น Chevrolet Colorado EV?
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้สามารถนั่งได้ 5 คน พร้อมยังมีกระบะขนาดเดียวกับเตียง 5 ฟุต ทำให้กระบะของรถคันนี้ยาวถึง 1.52 เมตร ซึ่งเท่ากับส่วนกระบะของ Hummer EV และยังยาวกว่ากระบะของ Rivian R1T ถึง 15 ซม. ซึ่งมีความยาว 1.37 ม. เท่านั้น
ตัวกระบะท้ายของ Telo MT1 สามารถใช้งานได้หลากหลาย โดยมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านล่าง คล้ายกับของ Rivian ตัวกระบะยังสามารถเสริมเป็นหลังคาและทำให้โดยสารได้สูงสุดถึง 8 ที่นั่ง ตัวรถยังสามารถพับเบาะแถวที่สองเพื่อให้บรรทุกเซิร์ฟบอร์ดที่ยาว 9 ฟุตได้สบาย
กำลังรถเหลือเฟือ แต่ระวังเรื่องน้ำหนักบรรทุก
สำหรับกระบะไฟฟ้าคันเล็กคันนี้ดูเหมือนว่าจะมีกำลังเหลือเฟือหากมองจากสเปกในกระดาษ เพราะมาพร้อมกับมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังรวมถึง 500 แรงม้า ทำให้ตัวรถที่มีน้ำหนักเกือบ 2,000 กิโลกรัมสามารถพุ่งทะยานจาก 0-96 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 200 กม./ชม.
Telo มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 106 kWh ซึ่งทำให้วิ่งได้ไกลถึง 536 กิโลเมตร และสามารถฟาสท์ชาร์จขาก 20-80% ได้ภายในเวลาเพียง 20 นาที โดยการใช้เซลล์แบตเตอรี่ทรงกระบอก 2170 ของ Samsung และกระบะไฟฟ้าคันนี้จะรองรับหัวชาร์จ NACS แบบเดียงกับ Tesla ในอเมริกาเหนือ
รถคันนี้ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับการทำขนาดให้กะทัดรัด โดยส่วนของแบตเตอรี่จะมีความสูงเพียง 10 ซม. ทำให้มีระยะห่างจากพื้นเพียง 25.4 ซม. เท่านั้น นอกจากนี้ยังให้ยางแบบออฟโรดมาให้เป็นมาตรฐานและช่วงล่างแบบอิสระ
สำหรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของรถคันนี้คือ 725 กิโลกรัม ซึ่งน้อยกว่ากระบะไฟฟ้ารุ่นอื่นอย่าง Rivian R1T เล็กน้อย แต่ Telo นั้นมีความสามารถในการลากจูงเพียง 2,993 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่า R1T เกือบครึ่งเลยทีเดียว
Forrest North ซีทีโอของและหนึ่งในผู้ก่อตั้งของ Telo กล่าวเกี่ยวกับแบตเตอรี่ว่า “ชุดแบตเตอรี่ที่รอการจดสิทธิบัตรของเรานั้นมีการปรับให้มีความกะทัดรัดเพื่อให้สามารถทำระยะทางขับขี่ได้ 350 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งโดยที่ปล่อยมลพิษน้อย ขณะเดียวกันยังสามารถผลิตได้จำนวนมาก”
ผลิตเมื่อไหร่ จำนวนกี่คัน
ผู้ที่สนใจกระบะไฟฟ้าคันนี้สามารถสั่งซื้อได้ล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ของ Telo โดยมีค่ามัดจำอยู่ที่ 152 ดอลล่าร์ เว็บไซต์ Electrek รายงานว่ารถต้นแบบที่ใช้งานได้จะถูกนำมาทดสอบในช่วงปลายฤดูร้อนนี้
ส่วนรายละเอียดการออกแบบและระบบส่งกำลังของรถทั้งหมดจะมาในภายหลัง Telo ตั้งเป้าหมายที่จะผลิต 500 คันแรกด้วยมือภายในสิ้นปี 2025 และผลิตตามการเซ็นสัญญาอีก 10,000 คันภายในปี 2026
อ่านเพิ่มเติม: Geely Radar RD6 EV รถกระบะไฟฟ้าเตรียมเปิดตัวลุยตลาดเมืองไทย