มีการตัดสินใจแยกชื่อ Discovery ออกไปเป็นแบรนด์ย่อยแล้ว แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มียอดขายนน้อย เพราะทับซ้อนกับรุ่นอื่น ล่าสุดกำลังจะถูกรื้อตำแหน่งการตลาดใหม่
มีการตัดสินใจแยกชื่อ Discovery ออกไปเป็นแบรนด์ย่อยแล้ว แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มียอดขายนน้อย เพราะทับซ้อนกับรุ่นอื่น ล่าสุดกำลังจะถูกรื้อตำแหน่งการตลาดใหม่
แยกรุ่นไปเป็นแบรนด์ย่อย
กลุ่ม JLR หรือ Jaguar Land Rover กำลังคิดหาทางกู้ชื่อเสียงรุ่น Discovery กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่แยกชื่อรุ่นนี้ออกไปเป็นแบรนด์ย่อย ซึ่งตั้งใจทำให้รุ่น Discovery เป็นเอสยูวีขนาดกลาง และ Discovery Sport เป็นเอสยูวีขนาดเล็กกว่า แล้วขยายขอบเขตชื่อ Land Rover ไปเป็นชื่อกลุ่มที่ดูแลโดยภาพรวม และการแยกชื่อรุ่นไปเป็นแบรนด์ย่อยนั้น เกิดขึ้นกับชื่อ Range Rover และชื่อ Defender ด้วย ทำให้กลายเป็นว่ามีเอสยูวี 3 แบรนด์ที่อยู่ในค่ายเดียวกัน
Discovery ยอดขายต่ำลง
Discovery ในอดีตที่เคยรุ่งเรืองเมื่อยุค 90 - 2000 กลับแผ่วลง ด้วยยอดขายที่น้อยกว่า Range Rover และ Defender ตามข้อมูลที่ประธานกลุ่ม JLR คือนาย Adrian Mardell ออกมายอมรับตอนที่สัมภาษณ์กับสื่อในอังกฤษ และตามข้อมูลตัวเลขการขายในปีที่ผ่านมาพบว่า Discovery ขายได้ 12,000 คัน เทียบกับ Defender จำนวน 75,000 คันที่ขายได้ในช่วงปีเดียวกัน
มิหนำซ้ำ Discovery Sport ยังขายได้น้อยมาก(แต่ไม่เปิดเผยตัวเลข) เมื่อเทียบกับสมัยที่ยังเป็นชื่อรุ่น Freelander ที่ทำยอดขายดีสุดของแบรนด์นี้ ซึ่งเหตุผลอาจเป็นเพราะว่ามันเปิดตัวมา 9 ปีแล้วยังไม่มีการโมเดลเชนจ์สักที
เน้นรุ่นที่กำไรกว่า
กลุ่ม JLR ยังเน้นย้ำว่า แนวทางของบริษัทมีการจัดลำดับความสำคัญให้ผลิตรถที่มีอัตรากำไรสูงกว่า ในช่วงที่ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์นี้ วิธีแก้ปัญหาคือ ผลิตในปริมาณน้อยโดยเลือกรุ่นที่ทำกำไรได้มากกว่าเช่น Range Rover และ Range Rover Sport พูดง่าย ๆ คือ ผลิตจำนวนน้อย แต่กำไรต่อคันมากกว่ารถราคาถูก ที่ผลิตปริมาณมาก ๆ
ผลิตภัณฑ์ทับซ้อนกัน
ปัญหาที่ Discovery ทำยอดขายน้อย สาเหตุหลักน่าจะมาจากผลิตภัณฑ์ที่ทับซ้อนกับแบรนด์ Defender เนื่องจากว่ามันมีความสามารถเท่ากัน เครื่องไฮบริดเหมือนกัน นั่งได้ 7 คนเท่ากัน แต่มีรูปทรงที่ดูบึกบึนกว่า ดูไม่เก่าง่าย จึงทำให้คนยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย เพื่อซื้อ Defender มากกว่า
การทับซ้อนของผลิตภัณฑ์ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะในอนาคต Discovery จะออกรุ่นที่เล็กกว่าตัว Sport มาขายต่อยอดอีก ซึ่งเป็นการแย่งลูกค้ากับ Range Rover Evoque และ Velar ซึ่งกำลังครองแชมป์ยอดขายของค่ายนี้อยู่
อ่านเพิ่มเติม : ชมคันจริง 2021 Range Rover Evoque Lafayette Edition ราคา 4.199 ล้านบาท แต่มีแค่ 3 คัน
Discovery ยังมีชะตากรรมที่ไม่สวยนัก เพราะภายใน 1 ปีข้างหน้านี้ พวกเขาต้องทำการรีแบรนด์ใหม่ จัดตำแหนงการตลาดให้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งทำราคาและออพชั่นให้ดีทัดเทียมคู่แข่งด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้กลุ่ม JLR ยังมีกำไรนิดหน่อยจากความพยายามทั้งหมดนี้
หรือว่าจะไม่ต้องพยายาม แล้วกันไปขาย Range Rover กับ Defender ที่มีกำไรอยู่แล้วโดยไม่ต้องพยายาม ?
อ่านเพิ่มเติม : ราคา Range Rover Sport โมเดลเชนจ์ใหม่ ขายไทย 8.599 ล้านบาท ใช้พลังไฮบริดขับไฟฟ้าล้วนได้